เสื้อนักศึกษา ชุดนักศึกษา หญิง ชาย กระโปรงนักศึกษา ไซส์ใหญ่ กระโปรงทรงเอ ทรงสอบ กระโปรงพรีท พรีทเอวต่ำ กางเกง เข็มขัด ตุ้งติ้ง CAMPUS เครื่องแบบนักศึกษา เสื้อนักศึกษาหญิง เสื้อนักศึกษาชาย เสื้อนักศึกษาไซส์ใหญ่ กางเกงนักศึกษา เข็มขัดนักศึกษา หัวเข็มขัด เนกไทนักศึกษา กางเกงเดฟ กระบอกเล็ก ขาม้า รูปภาพนักศึกษาสวย น่ารัก ใส ข่าวประชาสัมพันธ์ด่วน ร้านชุดนักศึกษา แบล็คแอนด์ไวท์ โดนไฟไหม้
หน้าแรก
เสื้อนักศึกษา
กระโปรงนักศึกษา
กางเกงนักศึกษา
เข็มขัดนักศึกษา
ตุ้งติ้งนักศึกษา
ทรงผมรับปริญญา
ไปมอเตอร์โชว์กับนักศึกษา
นักศึกษากับไอที

เพลงรับน้อง เพลงเชียร์กีฬา
รายชื่อมหาวิทยาลัย/สถาบัน
นักศึกษาพาเที่ยว
แบบทรงผมรับปริญญา
ชุดนักศึกษาหญิง ชุดนักศึกษาชาย กระโปรงนักศึกษาไซส์ใหญ่ university uniform,student uniform,Thailand university, Thai girl,Student girl,Pretty girl เที่ยวนักศึกษา ชุดว่ายน้ำ นางแบบ เรื่องเล่านักศึกษา นักศึกษาขาย ของ ดารา บันเทิง แบบทรงผมรับปริญญา

วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2553

เหตุผลที่..."หญิงรักหญิง” /เรื่องเล่า นศ.


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 เมษายน 2553 18:17 น.
Photobucket
“เหตุผลที่...หญิงรักหญิง” เป็นบทความสะท้อนสังคมจากฝีไม้ลายมือของสาวน้อย “พิชญา ขันตยาภรณ์” นักศึกษาภาควิชาวารสารศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ รั้วมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ผู้ขีดเขียนคอลัมภ์ “Pink” ลงในนิตยสาร "บ้านกล้วย" ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ฉบับที่ 3 เล่มที่ 32 เธอได้หยิบยกเอาตัวอย่าง คำพูดของบุคคลเพศที่ 3 มาเป็นเรื่องราวความเป็นมาของบทความเรื่องนี้ เราลองมาดูกันดีกว่า บทความนี้ จะถูกใจใคร(สักคน)กันบ้าง
**
ความรักนั้นมีมากมายหลายรูปแบบแตกต่างกันออกไป อาจเป็นเพราะความรักไม่มีกฏเกณฑ์ที่จำกัดความรู้สึกของแต่ละคนได้ จะมีก็แต่เพียงการตีกรอบที่สังคมสร้างขึ้นเสียมากกว่าว่า ความรักนั้นต้องเกิดขึ้นในรูปแบบใด และกับเพศใดถึงเหมาะสม

“หญิงรักหญิง” หรือกลุ่มเลสเบี้ยน ทอม ดี้ เป็นอีกหนึ่งกลุ่มความรักที่ถูกมองว่า ผิดธรรมชาติ แต่ในขณะเดียวกันอาจมีอีกแง่มุมหนึ่งที่มองความรักของคนกลุ่มนี้ว่า มีความละเอียดอ่อนและงดงามมาก แต่ความรักของพวกเธอนั้นคงต้องใช้ความเข้าใจเพื่อมองสิ่งที่พวกเธอเป็น

ความสัมพันธ์แบบหญิงรักหญิงนั้น มักมีคนพูดเสมอว่า เกิดจากการรับค่านิยมจากต่างประเทศ แต่แท้จริงแล้ว ความรักแบบนั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว ซึ่งสมัยก่อนเรียกว่า “อัญจารี” เป็นกลุ่มรวมชาวหญิงรักหญิง ที่จะปรากฏให้เห็นจากบทกลอนของสุนทรภู่ ในนิราศพระประธมแสดงให้เห็นว่า สุนทรภู่นั้นได้กล่าวถึงเรื่องราวความรักของหญิงรักหญิงเอาไว้ ดังนั้นจึงใคร่ขอยกมาเป็นตัวอย่างตอนหนึ่ง

“ที่ปลูกรักจักได้ชื่นทุกคืนค่ำ ก็เตี้ยต่ำตายฝอยกร๋องกร๋อยโกร๋น ที่ชื่นเชยเคยรักเหมือนหลักประโคน ก็หักโค่นขาดสูญประยูรวงศ์ ยังเหลือแต่แม่ศรีสาครอยู่ ไปสิงสู่เสน่หานางสาหงส์ จะเชิญเจ้าเท่าไร่ก็ไม่ลง ให้คนทรงเสียใจมิได้เชย”

จากตอนหนึ่งของนิราศแสดงให้เห็นว่า แม่ศรีสาครนั้นรักอยู่กับนางสาหงส์ คำว่า “สิงสู่” ในที่นี้แสดงให้เห็นความรักที่แม่ศรีสาครมีต่อนางสาหงส์ ถึงขั้นหลงใหลอย่างไม่ยอมจากลา หรือไม่ยอมแม้จะอยู่ห่างไกลกัน

ดังนั้นความสัมพันธ์แบบหญิงรักหญิง อาจจะไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่รับมาจากตะวันตก แต่มีอยู่ก่อนหน้าแล้วในประวัติศาสตร์ไทยก็เป็นได้ ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า หญิงรักหญิง หรือเลสเบี้ยน ทอม ดี้ แตกต่างกันอย่างไร “เลสเบี้ยน” เป็นคำเรียกของผู้หญิงที่ชอบผู้หญิงด้วยกัน หรือหญิงรักหญิงนั้นเอง ส่วน “ทอม” มาจากภาษาอังกฤษว่า “Tomboy” เป็นผู้หญิงที่ทำตัวเหมือนชาย และ “ดี้” มาจากภาษาอังกฤษว่า “Lady” เป็นผู้หญิงที่ชอบทอม โดยทั่วไปจะคบและคลั่งไคล้สาวหล่อหรือทอมนั้นเอง

ความรักของผู้หญิงที่รักหญิงด้วยกัน มีความละเอียดละอ่อนเป็นอย่างมาก เพราะต้องคอยดูแลเอาใจใส่เป็นห่วงเสมอ เป็นทุกอย่างของกันและกันได้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง รวมถึงคนรู้ใจ ทำได้แม้ที่ต้องเสียสละเพื่อความรัก

“กิ๋ว” หญิงสาวที่อยู่ในกลุ่มหญิงรักหญิงหรือเลสเบี้ยน เล่าให้ฟังว่า นิยามความรักของเธอคือ "การเข้าใจและห่วงใยซึ่งกันและกัน" โดยให้เหตุผลว่า สาเหตุหนึ่งที่เธอหันมาชอบผู้หญิงด้วยกันเป็นเพราะความเข้าใจในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวัน การเลือกซื้อของ รวมถึงเรื่องสุขภาพที่ผู้ชายหลายคนอาจไม่เข้าใจ อีกทั้งความห่วงใยที่ผู้หญิงมีให้กันแล้ว อาจมีให้กันมากกว่าที่ผู้ชายจะมีให้ และผู้หญิงยังมีความสุภาพอ่อนหวานกว่า
Photobucket
ส่วน “แต๊งค์กิ้ว” ได้ถ่ายทอดความรู้สึกและเหตุผลถึงการเป็นทอมว่า เขามีท่าทางและรู้สึกว่า ตนเองเป็นผู้ชายตั้งแต่จำความได้ ไม่ได้เป็นตามกระแสหรือแฟชั่นแต่อย่างใด เขาเกิดมาเห็นเด็กผู้หญิงด้วยกันแล้วรู้สึกชอบ โดยที่ตัวเองไม่รู้ว่าทำไม อาจเป็นเพราะผู้หญิงมีความสะอาด น่ารัก เรียบร้อย เอาใจเก่ง ช่างพูด ช่างแต่งตัว และที่สำคัญคือ "ความเข้าใจที่ผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชาย" ซึ่งบางครั้งก็รู้สึกว่า ผู้หญิงที่มาคบนั้นต้องเสียสละ เพราะคนอื่นในสังคมอาจมองไม่ดี แต่ยังอยู่โดยไม่อายใคร จึงได้ให้นิยามความรักของตัวเองว่า “ความรักไม่มีเส้นขีดว่า อะไรเหมาะสมและอะไรไม่เหมาะสม แต่ความรู้สึกของคนเราต่างหากที่บอกว่าอะไรเป็นสิ่งที่ตนเองนั้นต้องการจริงๆ”

สำหรับ “เจน” เธอยอมรับว่าเป็นดี้ หรือหญิงที่ชอบทอม เจนเล่าว่า เธอเคยเป็นผู้หญิงมาก่อน แต่เพราะทนความเจ้าอารมณ์ของผู้ชายไม่ไหว รวมถึงความเข้าใจ เลยหันมาลองคบกับทอม ปรากฏว่า ทอมดูแลเอาใจใส่ให้ความเข้าใจเป็นอย่างดี และมีความเสมอต้นเสมอปลาย อีกทั้งทอมเอาใจเก่ง "ทำให้มีความสุข ไม่ว่าจะทุกข์เพียงใดก็ทำให้ยิ้มได้ตลอด"

ตัวผู้เขียนเองได้เห็นความรักของทอมดี้คู่หนึ่งที่รักกันมาก แต่ต้องเลิกรากันไป ทั้งที่ยังรักกัน เพราะด้วยเหตุผลที่ว่า ดี้ต้องไปแต่งงานตามที่พ่อแม่ขอร้อง เพราะไม่อยากให้สังคมมองลูกของตนว่าเป็นพวกรักเพศเดียวกัน ฝ่ายทอมได้พูดกับพ่อแม่ฝ่ายดี้ว่า “ความรักของคนที่เป็นทอมเองก็ต้องเสียสละด้วยกันทั้งนั้น เพราะตัวเองรู้ดีและเข้าใจดีว่า โลกนี้สร้างผู้หญิงให้เกิดมาคู่กับผู้ชาย มันเป็นธรรมชาติ" เพราะฉะนั้น ตนเข้าใจดีและยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใด และยังช่วยเลี้ยงดูลูกให้กับดี้คนนั้นด้วย

ไม่ว่าในโลกนี้จะมีความรักกี่แบบก็ตาม ความรักของผู้หญิงกับผู้หญิงก็คงสวยงามไม่น้อยไปกว่าความรักแบบใดในโลก อาจจะกล่าวได้ว่า ความรักของผู้หญิง ต้องการแค่ความเข้าใจ ความห่วงใย ดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันมากกว่า การจับจองเอามาเป็นเจ้าของ หรือรักตามกระแสแฟชั่น

ความรักเป็นสิ่งที่ไม่มีคำว่าถูกหรือผิด และความรักไม่มีกฏเกณฑ์ใดมาตัดสิน ไม่ว่าจเป็นอายุฐานะ รูปลักษณ์ หรือแม้กระทั่งเพศก็ตาม สิ่งที่จะตัดสินความรักว่าถูกหรือผิดนั้น กลายเป็นเรื่องตามแต่ใจของเราแต่ละคนนั้นจะเป็นตัวที่ตัดสินคำว่า “รัก”

**ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.teeneehit.com/space-28172-do-thread-id-2374.html

วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553

บัณฑิต ม.อ.ได้งานแล้วกว่าร้อยละ 80 “พยาบาล-ศิลปกรรม-วิเทศ-เภสัช” คณะฮิตไม่ตกงาน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 เมษายน 2553 14:36 น.
Photobucket
ม.อ.เผย สถิติการได้งานทำของบัณฑิตใหม่ ปี ’51 แพทย์-ทันตะ ได้งาน 100% พยาบาล-ศิลปกรรม-วิเทศ-เภสัช-นิติ ฉลุยได้งานเกินร้อยละ 90

กองแผนงานมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.)สำรวจภาวะการได้งานทำของบัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในปีการศึกษา 2551 พบว่า บัณฑิตระดับปริญญาตรีที่ให้ข้อมูล จำนวน 6,193 เป็นผู้มีงานทำแล้ว 4,133 คนหรือร้อยละ 81.3 ศึกษาต่อ 1,110 คน และยังไม่ได้ทำงาน 950 คน หรือร้อยละ 18.4 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาอัตราการได้งานทำเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 และบัณฑิตส่วนใหญ่หรือเกือบทุกคณะบัณฑิตได้งานทำเพิ่มขึ้น

สำหรับคณะที่บัณฑิตได้งานสูงสุดนั้น หากไม่นับรวมคณะในสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ เช่น คณะแพทยศาสตร์ และ คณะทันตแพทยศาสตร์ ที่ได้งานทำทุกคนแล้ว คณะที่บัณฑิตได้งานทำสูงกว่าร้อยละ 90 ได้แก่ คณะพยาบาลศาสตร์ ร้อยละ 99.2 คณะศิลปกรรมศาสตร์ ร้อยละ 95.7 คณะวิเทศศึกษา ร้อยละ 95.2 คณะเภสัชศาสตร์ ร้อยละ 95.0 และคณะนิติศาสตร์ ร้อยละ 90.9 โดยเฉพาะบัณฑิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้งานทำมากกว่าปีที่ผ่านมา ถึงร้อยละ 30

สาขาที่บัณฑิตได้งานทำทุกคนได้แก่ สาขาทัศนศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาฟิสิกส์ คณะศึกษาศาสตร์ สาขาภาษาอาหรับ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ สาขาไทยศึกษา คณะวิเทศศึกษา

ส่วนกลุ่มคณะที่บัณฑิตมีงานทำตั้งแต่ร้อยละ 80-89 มี 11 คณะ ได้แก่ คณะการแพทย์แผนไทย คณะศิลปศาสตร์ คณะอุตสาหกรรมเกษตร คณะการบริการและการท่องเที่ยว คณะศึกษาศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะเทคโนโลยีและการจัดการ คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม คณะวิทยาการจัดการ คณะพาณิชยศาสตร์และการจัดการ และ คณะวิทยาศาสตร์
Photobucket
บัณฑิตมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ส่วนใหญ่คือร้อยละ 61.1 ทำงานเป็นพนักงาน/ลูกจ้างเอกชน นอกนั้นจะทำงานเป็นข้าราชการ/เจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ ร้อยละ 29.7 และ อื่นๆ ร้อยละ 9.2 โดยมีบัณฑิตจำนวนร้อยละ 79.2 ทำงานในภาคใต้ โดยในจำนวนนี้ 3,273 คน หรือร้อยละ 79.2 ทำงานในจังหวัดสงขลา รองลงมาคือภูเก็ต ปัตตานี ตามลำดับ

บัณฑิตคณะทันตแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ และคณะเภสัชศาสตร์ ยังคงได้รับเงินเดือนเฉลี่ยสูงกว่าคณะอื่นๆ อย่างไรก็ตามในภาพรวมของทุกคณะ บัณฑิตที่ทำงานแล้วได้รับเงินเดือนเฉลี่ยลดลงจากปีที่ผ่านมา

สำหรับการนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ พบว่า บัณฑิตกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพได้แก่ คณะแพทยศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ และคณะทันตแพทยศาสตร์ สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้มากที่สุด รองลงมาได้แก่ คณะเภสัชศาสตร์ คณะการแพทย์แผนไทย คณะศึกษาศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ และคณะการบริการและการท่องเที่ยว ส่วนอาชีพที่สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้กับประเภทงานที่ทำได้มาก ได้แก่พนักงานองค์กรต่างประเทศ/ระหว่างประเทศ และ ข้าราชการ/เจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ รองลงมา เป็นพนักงานบริษัท/องค์กรธุรกิจเอกชน

วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2553

ลูกติดเว็บโป๊ทำอย่างไรดี/ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ


ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าในปัจจุบันมีเวปเกี่ยวกับเรื่องเพศ ภาพคลิปโป๊ต่างๆซึ่งเป็นเวปที่เป็นอันตรายต่อเด็กเป็นอันมาก และเนื่องจากโลกปัจจุบันนี้เป็นยุคของสังคมออนไลน์ จึงเป็นการเสี่ยงสำหรับเด็กๆต่อการเข้าไปมีส่วนร่วมในการข้องแวะกับสื่อที่ไม่สมควรดังกล่าวไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม

จากข้อมูลของเวปป้องกันความรุนแรงทางเพศหรือป้องกันการติดสื่อลามกต่างๆพบว่าเด็ก อายุระหว่าง 10-17 ปี 1 ใน 5 คนได้รับสื่อหรือภาพโป๊ผ่านทางอินเตอร์เนต เด็ก 1 ใน 4 คนที่ใช้อินเตอร์เนต เข้าไปข้องแวะกับเวปโป๊ทั้งที่โดยเจตนาและไม่เจตนา อีเมล์ที่ส่งติดต่อหากันในปัจจุบัน มากกว่า 2 หมื่นล้านฉบับเป็นเวปโป๊ เด็กวัยรุ่น 21 % ยอมรับว่าเข้าไปดูเวปโป๊โดยไม่บอกให้พ่อแม่รู้

จากเหตุผลดังกล่าวทำให้คุณพ่อคุณแม่หนักใจเพราะไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรดี คำแนะนำต่อไปนี้จะช่วยคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครองในการช่วยให้เด็กสามารถห่างไกลจากสื่ออันตรายดังกล่าวได้

1.แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือ สอนและให้ความรู้ที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษา การคุมกำเนิด อย่าให้เวปต่างๆเป็นผู้สอนลูก แต่เราเป็นผู้ใกล้ชิดกับลูกมากกว่า ควรพูดคุยและให้ความรู้ที่ชัดเจน เมื่อลูกเข้าใจแล้ว ความอยากรู้อยากเห็นก็จะลดน้อยลง

2.อายุของเด็กและพัฒนาการของเด็กในแต่ละคนก็เป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง หากเป็นเด็กเล็ก เด็กอาจดูโดยไม่มีความเข้าใจอะไรมากนัก แต่เผอิญเปิดไปเจอ แต่หากเป็นช่วงวัยรุ่น ต้องให้ความรู้ความเข้าใจที่ชัดเจน การปกปิดเรื่องเพศทำให้เด็กสงสัยและอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น

3. คุณพ่อคุณแม่ต้องตั้งกฎให้ชัดเจนกับลูกในการสืบหาข้อมูลในอินเตอร์เนตทุกครั้ง บอกลูกถึงอันตรายของเวปต่างๆที่อาจเข้ามารบกวนขณะที่เรากำลังสืบหาข้อมูลที่อินเตอร์เนต อาจเขียนเป็นข้อตกลงและลงชื่อกำกับร่วมกันเพื่อความชัดเจน

4. กฎนี้ต้องใช้ได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน เพราะในโรงเรียนหรือห้องสมุดอาจมีโปรแกรมป้องกันการเข้าไปดูเวปที่ไม่สมควรแต่บางครั้งอาจเด็กไปที่บ้านเพื่อนหรือญาติอาจไม่ได้มีโปรแกรมดังกล่าว ดังนั้นต้องเตือนเด็กๆว่ากฏการใช้อินเตอร์เนต ครอบคลุมทั้งในบ้านและนอกบ้านด้วย

5. คุณพ่อคุณแม่ควรมีโปรแกรมป้องกันเวปที่ไม่สมควรดังกล่าว ซึ่งอาจหาข้อมูลได้จาก cybersitter

6. ในกรณีเด็กแอบดู หรือเริ่มติดโดยไม่บอกคุณพ่อคุณแม่ อาจใช้วิธีการเปิดกว้างโดยการให้เด็กดูไปพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ เพราะธรรมชาติของเด็ก อยากรู้อยากเห็น ดังนั้นการยิ่งห้ามอาจเหมือนยิ่งยุ การสอนและหาวิธีให้ความรู้ต่างๆจะอาจช่วยให้เด็กลดความสงสัยหรือลดความอยากรู้อยากเห็นได้

7. อย่าจัดให้ในห้องของลูกมีคอมพิวเตอร์ แต่ควรจัดไว้ในที่ๆคุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง

ปัจจุบันสื่อต่างๆมากมายที่อยู่รอบตัวเรามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ต้องฉลาดในการป้องกันลูกให้พ้นจากสื่อที่เป็นอันตรายต่อเด็ก โดยการให้ความรัก ความเข้าใจ และให้ความรู้ควบคู่กันไป ซึ่งวิธีนี้จะช่วยสร้างเด็กให้เป็นคนฉลาดในการแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นสิ่งดีและอะไรเป็นสิ่งไม่ดีที่ควรหลีกเลี่ยง อย่าใช้วิธีวัวหายล้อมคอก เพราะนั่นอาจจะสายเกินไป

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 เมษายน 2553 15:48 น.

วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553

นิสิตนักศึกษาหญิง ระวัง!จะแพ้ภัยตัวเอง สมัยนี้...ผู้ชายรู้จักอายมากกว่าผู้หญิง เสียแล้ว
สังคมและชีวิต
เขียนโดย สพท.ตราด
วันศุกร์ที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๑ เวลา ๑๐:๔๑ น.


จงรักนวลสงวนนามห้ามใจไว้ อย่าหลงใหลจำคำที่ร่ำสอน

คิดถึงหน้าบิดาและมารดร อย่ารีบร้อนเร็วนักมักไม่ดี

เมื่อสุกงอมหอมหวานจึงควรหล่น อยู่กับต้นอย่าให้พรากไปจากที่

อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี เมื่อบุญมีคงจะมาอย่างปรารมภ์

จากสุภาษิตสอนหญิงบทดังกล่าว ได้สะท้อนถึงพฤติกรรมของผู้หญิงสมัยก่อน ซึ่งได้รับการอบรมสั่งสอนให้อยู่ในกรอบของกุลสตรี ซึ่งแตกต่างจากผู้หญิงสมัยปัจจุบันที่คำนึงถึงเรื่องของสิทธิความเท่าเทียมระหว่างชายหญิง พฤติกรรมของผู้หญิงสมัยปัจจุบันจึงออกมาในรูปแบบของการการแสดงออกมากขึ้น เปิดเผยเนื้อหนังมังสา อวดสัดส่วนของตนเองเพื่อให้เป็นที่ดึงดูดสายตาของเพศตรงข้าม ดังจะเห็นได้จากข่าวที่ปรากฏในสื่อประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตามหน้าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ หรือวารสาร เป็นต้น ช่วงบ่ายวันหนึ่งในขณะที่ผู้เขียนและนักศึกษาอีกหลายคนกำลังเคร่งเครียดอยู่กับการทำข้อสอบ เวลาได้ผ่านไปแล้วประมาณครึ่งชั่วโมงและมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยออกไปจากห้องสอบแล้ว ยิ่งทำให้ บรรยากาศภายในห้องเคร่งเครียดยิ่งขึ้น สักครู่ ต่อมานักศึกษาหญิงคนหนึ่งก็ลุกขึ้นและเดินไปส่ง ข้อสอบที่หน้าห้อง เธอก็ไม่ได้แตกต่างไปจากนักศึกษา คนอื่นๆ แต่สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนต้องจ้องมองเธออยู่นาน ก็เพราะสะดุดตากับการแต่งกายของเธอ กระโปรง ที่สั้นมาก เสื้อตัวเล็กและบางจนสามารถมองเห็น ชุดชั้นในได้คือ"ชุดนักศึกษา"ที่เธอสวมใส่อยู่
หลังจากออกมา จากห้องสอบแล้วภาพ " ชุดนักศึกษา " ยังติดตาอยู่ และเมื่อมองไปรอบๆ ก็พบว่ามีนักศึกษาหญิงหลายคนที่แต่งตัวในลักษณะดังกล่าว แม้ว่าจะเป็นภาพที่เคยเห็นจนชินตาแต่ก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่าเกิดอะไรกับชุดนักศึกษาในยุคปัจจุบัน
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการที่จะเปลี่ยนประเทศไทยให้เข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ อันเป็นเครื่องการันตีถึงศักยภาพของประเทศในสายตาของชาวต่างชาติที่ต้องการจะเข้ามาลงทุนด้วยเงินทุนหลายร้อยล้านบาท ผลพวงที่ได้คือการไหลเข้ามาของวัฒนธรรมชาติตะวันตกอย่างมหาศาล ผ่านทางภาพยนตร์และอินเตอร์เน็ต ช่วงแรกๆ นั้นกระแสนี้ก็ยังมีไม่มากนักและยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ แต่ปัจจุบันเป็นการไหลเข้ามาอย่างอิสระ และดูเหมือนจะอยู่นอกเหนือความควบคุม เอกลักษณ์และวัฒนธรรมไทยจึงถูกทำลายลงอย่างช้าๆ เหมือนกระแสน้ำที่ค่อยกัดเซาะฝั่งและในที่สุดก็ถล่มลงมา
ในช่วงวิกฤตของวัฒนธรรมไทยคนที่ได้รับผลกระทบคงหนีไม่พ้นเยาวชน ที่ปัจจุบันบริโภคความเป็นโลกาภิวัตน์ผ่านหน้าจอโทรทัศน์แทบทุกวัน สิ่งที่พวกเขาเห็นคือภาพของเหล่าดาราและคนดังแต่งกายเฉิดฉายในชุดราตรีที่โชว์สัดส่วนและเนื้อหนังมากจนเกินควร ทั้งยังส่อไปในทางยั่วยวนทางเพศอีกด้วย เยาวชนที่วุฒิภาวะทางความคิดยังไม่พัฒนาเต็มที่เห็นภาพเหล่านี้ทุกวัน จนคิดไปเองว่ามันคือสิ่งที่ดี แต่งตัวตามแบบดาราแล้วจะดูสวยงาม ทันสมัย จึงเปลี่ยนแปลงการแต่งตัวของตัวเองให้เป็นอย่างเหล่าดารา
ค่านิยมในการโชว์เนื้อหนังก็ได้แพร่ขยายเข้ามาสู่มหาวิทยาลัยอันเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ ชุดนักศึกษาหญิงถูกทำให้หดเล็กลงและสั้นลง เพื่อจะได้มีพื้นที่ในการอวดเนื้อหนังของตัวเองมากขึ้น ชุดนักศึกษาพันธุ์ใหม่ที่มีให้เห็นกันในทุกๆ มหาวิทยาลัยจึงได้ถือกำเนิดขึ้น พร้อมๆ กับการเกิดขึ้นของปรากฏการณ์ใหม่มากมายที่เมื่อไม่กี่ปีที่แล้วยังไม่เคยเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายหลุดของชุดนักศึกษาที่ไม่น่ามองเป็นอย่างยิ่ง หรือมหกรรมการถูกลวนลามทางเพศของนักศึกษาหญิง จนนำไปสู่การรณรงค์ขนานใหญ่เพื่อให้นักศึกษาแต่งกายให้เรียบร้อย ถึงขั้นที่ต้องให้แม่ค้ามาคอยบอกว่า การแต่งกายแบบไหนที่เรียกว่าเรียบร้อย ทั้งๆ ที่นักศึกษาน่าจะคิดได้ด้วยตัวเอง
อาชญากรรมทางเพศที่เกิดขึ้นหากจะลงโทษแต่ตัวผู้กระทำความผิดก็เป็นแค่เพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หากมองอีกด้านหนึ่งถ้าไม่มีตัวกระตุ้นบรรดาอาชญากรทั้งหลายก็คงไม่มีแรงผลักดันที่จะกระทำความผิด ดังนั้น การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุที่แท้จริงคือการแต่งกายให้เรียบร้อยและมิดชิด ซึ่งไม่ใช่ว่าจะต้องปกปิดทุกอย่างไว้ แต่สามารถเปิดเผยได้แต่พองาม และแต่งกายให้ถูกกาลเทศะ วิธีนี้อาจจะไม่ค่อยถูกใจใครหลายๆ คน แต่ถ้าต้องการความปลอดภัยและยกระดับคุณค่าของตัวเองก็นับว่าเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแล้ว
แม้ว่ามหาวิทยาลัยจะสามารถออกกฎเพื่อควบคุมการแต่งกายของนักศึกษาให้อยู่ในกรอบ และให้สิทธิแก่อาจารย์ที่จะเชิญนักศึกษาที่แต่งกายไม่เรียบร้อยออกจากห้อง แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เพราะอาจารย์มักจะไม่ค่อยเอาเรื่องกับนักศึกษาเหล่านี้อย่างจริงจัง เนื่องจากถ้าจะจัดการอย่างเด็ดขาดก็คงต้องเชิญนักศึกษาออกเกือบครึ่งห้อง เรียกได้ว่าอาจารย์ก็เอือมระอากับพฤติกรรมของนักศึกษา จึงเลิกสนใจไปในที่สุด จึงเป็นหน้าที่ของนักศึกษาที่จะต้องตระหนักในพฤติกรรมของตนเอง และระลึกอยู่เสมอว่า มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การให้เกียรติ เพราะเป็นแหล่งประสิทธิ์ประสาทวิชา หากจะแต่งกายให้เรียบร้อยมาเรียนหนังสือก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงมากนัก
ถึงเวลาสอบของรายวิชาต่อไปแล้ว เบื้องหน้าคือนักศึกษาชายและถัดไปคือนักศึกษาหญิง พวกเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากนักศึกษาคนอื่นๆ แต่การแต่งกายของนักศึกษาชายสะดุดตาผู้เขียนอีกครั้ง เพราะเขาใส่เสื้อกล้ามเพื่อปกปิดสิ่งที่เขาคิดว่าควรปกปิด ในขณะที่นักศึกษาหญิงกลับใส่เสื้อบางและเผยให้เห็นสิ่งที่ควรปกปิด ผู้เขียนแอบนึกขำอยู่ในใจว่า สมัยนี้ผู้ชายรู้จักอายมากกว่าผู้หญิงเสียแล้ว!!

ในขณะที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว แทนที่ศีลธรรม จริยธรรมของมนุษย์จะเจริญตามไปด้วย กลับก็เสื่อมถอยลงมากอย่างเห็นได้ชัด หากคนไทยยังยึดติดกับค่านิยมที่ผิด ๆ ผู้หญิงเห็นการเปิดเผยเนื้อหนังเป็นสิ่งธรรมดา มีการแต่งตัวของดารานักร้องเป็นต้นแบบ ต่อไปสังคมไทยอาจจะกลายเป็นสังคมที่หญิงขอชายแต่งงานก็เป็นได้ !!

แหล่งที่มาของภาพประกอบ http://www.matichon.co.th

ชุดนักศึกษาหญิง คับติ้ว กระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋

ชุดนักศึกษาหญิง คับติ้ว กระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋
ชุดนักศึกษาหญิง คับติ้ว กระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋
นักศึกษาหญิงแหกกฎแห่เช่าชุดเรียบร้อยใส่ช่วงสอบ
โลกของการศึกษาช่างก้าวไกลเหลือเกิน ไม่ใช่ตำรับตำรา แต่เป็นวิวัฒนาการของนักศึกษาผู้ที่ขึ้นชื่อว่า เป็นว่าที่บัณฑิต มีพัฒนาการสุดเยียวยา โดยเฉพาะการแต่งตัวและพฤติกรรมของนักศึกษา ซึ่งมีทั้งส่วนดีและส่วนเสีย ต้องรีบแก้ไขโดยด่วนถือเป็นช่องโหว่ไปสู่หนทางการทำมาหากินตามสถาบันการศึกษาต่างๆ ช่วงกำลังมีการสอบทั้งกลางภาค ปลายภาค และซัมเมอร์ มีพ่อค้าแม่ค้าหัวใสจับช่องทางเครื่องแต่งกายนักศึกษาซึ่งส่วนมากจะเป็นเพศหญิงที่มักแต่งตัวผิดกฎระเบียบ กระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋ เสื้อไซซ์คับติ้ว เข็มกลัด เข็มขัด กระดุมสถาบันไม่มีบ่งบอกถึงสังกัดการศึกษา รองเท้าที่ระบุต้องเป็นรัดส้นกลายเป็นลากรองเท้าแตะ โชว์สียาทาเล็บมือ-เท้าแสนเจ็บปวด
ส่วนผู้ชายสวมกางเกงยีนส์ขาดวิ่นสภาพมอซอหากเป็นช่วงเวลาคาบเรียนปกติสามารถอะลุ่มอล่วยได้ แม้ไม่เหมาะสมกับการเป็นนักศึกษาก็ตาม เพราะปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาหญิงที่เสื้อผ้ายิ่งใส่ยิ่งสั้น สงสัยผ้าแพง หรือผู้ชายการแต่งตัวสุดทนพอกัน จึงมีคนทำมาหากินเห็นช่องทางนอกจากเปิดร้านขายชุดนักศึกษาแล้ว ช่วงเวลาใกล้สอบร้านเหล่านี้จะเปิดให้เช่าชุดสำหรับนักศึกษา โดยเสนอราคาแตกต่างกัน
สนนราคาโดยเฉลี่ยแล้วคือ เสื้อ 100 บาท กระโปรง 100 บาท กางเกง 150 บาท หากต้องการเข็มขัด เส้นละ 50 บาท กระดุมและเข็มขัด 50 บาท หากเช่าทั้งชุดและอุปกรณ์ 400 บาท มัดจำ 200 บาท ไม่รวมรองเท้าคู่ละ 100 บาท ต่อ 1 วัน สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำกว่าการขายธุรกิจประเภทนี้ได้รับความนิยมช่วงใกล้สอบ เพราะนักศึกษาบางกลุ่มแต่งตัวผิดระเบียบ ไม่นิยมติดสัญลักษณ์บ่งบอกสถาบัน แต่งตัวแบบธรรมดาเหมือนพนักงานพาร์ตไทม์ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด สาเหตุที่อาชีพนี้เฟื่องฟู เพราะนักศึกษาแต่งตัวผิดระเบียบ ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าห้องสอบ บางร้านถึงขนาดลงทุนเปิดร้านเฉพาะกิจสำหรับเช่าชุด เนื่องจากสร้างรายได้มหาศาล ลงทุนซื้อเสื้อ กระโปรง เข็มกลัด แต่สามารถใช้ระยะยาว บางแห่งมีโปรโมชั่นมีบัตรสะสมแต้ม ใช้บริการครบ 10 ครั้ง ฟรี 1 ครั้ง หรือเช่าทั้งชุดแถมรองเท้า 1 คู่ เป็นแคมเปญของแต่ละร้าน โฆษณาเชิญชวนให้ใช้บริการของร้าน
แต่ข้อควรระวังการใช้เสื้อผ้าร่วมกันต้องคำนึงถึงความสะอาด เนื่องจากไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่า ใครเป็นโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน เชื้อรา เล็บขบ หูด ทางร้านต้องทำความสะอาดเสื้อผ้า รองเท้าอย่างดี ให้ดูสะอาด ใหม่ มีกลิ่นหอมตลอดเวลาความสะดวกสบายเหล่านี้ส่งเสริมให้นักศึกษาแต่งตัวผิดระเบียบ ถือว่ามีร้านเช่าชุดสำรองเผื่อฉุกเฉิน ดังนั้นนักศึกษาสมัยใหม่มีบริการครบครัน นอกจากหนังสือเรียนเลกเชอร์ ต่อไปคงมีการเข้าสอบแทนล่ะมั้งเนี่ย!?! ■
www.bangkok-today.com

"น่ารัก" รับลมร้อน กับ "เนโกะ จั๊มพ์" /แคมปัส'67

ซัมเมอร์ร้อนแรงอย่างนี้ ไลฟ์ ออน แคมปัส '67 ไม่พลาด ควงคู่ฝาแฝดสาวอลเวง “แจม-เนย” เนโกะ จั๊มพ์ 2 นักศึกษาน้องใหม่ คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกการแสดงและกำกับการแสดง (มศว) มาร่วมคลายร้อนถ่ายแฟชั่นลงปก พร้อมเม้าส์สนั่นกับลุคใหม่ “เซ็กซี่ น่ารัก” หลังโกอินเตอร์ไปเป็นนักร้องที่ญี่ปุ่น


On The Beach Trip In "Life On Campus Magazine"
แจม แฝดผู้พี่ บอกว่า “บางคนอาจจะเอาไปเปรียบเทียบกับพี่ๆ เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ มันก็ไม่แปลกนะ แต่แจมว่ามันอยู่ที่คนมองมากกว่า มันอาจจะทำให้แฟนๆ รู้สึกแตกต่างไปบ้าง เพราะมันเปลี่ยนลุคแบบก้าวกระโดดมากๆ” ส่วนเนย แฝดผู้น้อง เอ่ยเสริมขึ้นทันทีว่า “ถ้ามีคนชมว่าเราเซ็กซี่ก็ดีนะ แต่เราไม่ได้จะเน้นเรื่องนั้นเรื่องเดียว อยากให้ทุกคนเห็นว่าเราเป็นสาวแล้ว มีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นด้วย” อยากรู้ว่าแฟชั่นปกรับซัมเมอร์ของแคมปัสจะน่ารัก สดใสแค่ไหน ต้องติดตามภายในเล่ม

ครั้งแรกของฝาแฝดสาว"เนโกะ จั๊มพ์"กับการถ่ายแบบชุดนักศึกษา
ยังไม่หมดแค่นี้ ไลฟ์ ออน แคมปัส จะพาไปเลือกชุดว่ายน้ำสุดสวย ดูดี เหมาะกับสาวๆ หนุ่มๆ ที่กำลังรู้สึกขาดความมั่นใจในตัวเอง และยังไม่รู้ว่าซัมเมอร์นี้จะมีชุดว่ายน้ำที่ดี มีคุณภาพ และเหมาะสมกับตัวเองไว้ในครอบครอง ตลอดจนไม่หลงไม่ลืมที่จะศึกษาเคล็ดลับ หรือทริปส์เด็ดๆ ก่อนออกเดินทางไปเที่ยวในช่วงซัมเมอร์ โดยมี 4 สาว และ 1 หนุ่มเป็นผู้ให้คำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ เป็นการเรียกน้ำย่อย


กลเม็ดเคล็ดลับการเลือกชุดว่ายน้ำสุดสวย ดูดี เหมาะกับสาวๆ หนุ่มๆ
ทิ้งท้ายด้วยคำแนะนำดีให้สำหรับสาวคนไหน หนุ่มคนใดที่แพลนโปรแกรมช่วงเวลา สถานที่สำหรับซัมเมอร์นี้ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ยังรู้สึกเหมือนว่ายังขาดๆ เกินๆ กลัวๆ หรือหลงลืมอะไรไป ในที่นี้รวมถึงพร็อพต่างๆ ในกระเป๋าไปเที่ยวทะเล และความไม่มั่นใจที่จะอวดหุ่นในชุดบิกินี่ เรามี Feature: Trick For A Beach Trip เป็นเสมือนเคล็ดไม่ลับ ไว้เรียกความมั่นใจไว้ให้ด้วย... งานรับรองว่า "อิ่ม" ทั้งเล่มแน่นอน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 มีนาคม 2553 16:29 น.
ช่างภาพมือโปร แนะมือใหม่ “อยากใช้ DSLR”

ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านอุปกรณ์ถ่ายภาพอย่างกล้องดิจิตอลพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว แถมยังมีราคาถูกลงกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะกล้องดิจิตอลประเภท D-SLR จนทำให้ใครหลายคนโดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษา หันมาสนใจและใช้กล้องประเภทนี้กันมากขึ้น แต่ปัญหาที่ตามมาและพบได้บ่อยครั้ง คือ มือใหม่หลายคนยังขาดความรู้ความเข้าใจในการเลือกซื้อกล้องประเภทนี้
D-SLR เป็นกล้องดิจิตอลสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยว ดัดแปลงจากกล้องฟิล์ม 35 mm. มาเป็นระบบดิจิตอล และใช้เซ็นเซอร์ในการรับภาพ โดยมีระบบการทำงาน รวมถึงคุณสมบัติต่างๆเหนือกว่ากล้องดิจิตอลคอมแพ็คทั่วไป ซึ่งปัจจุบันราคาของกล้องประเภทนี้ถูกลงกว่ายุคก่อนมาก เป็นเหตุให้มือใหม่โจนเข้าสู่วงการการถ่ายภาพมากขึ้น
จากกระแสดังกล่าว ช่างภาพมืออาชีพอย่าง “วิชัย จิตลลิต” หรือที่คนในวงการถ่ายภาพรู้จักกันดีในชื่อ “น้าจุก” แสดงความเห็นว่า หากใครสนใจการถ่ายภาพอย่างจริงจัง ก็ควรเลือก D-SLR คงเหมาะกว่ากล้องดิจิตอลคอมแพ็ค เพราะระบบการทำงานต่างๆ ตอบสนองใกล้เคียงกับกล้องฟิล์ม SLR ในสมัยก่อน และในปัจจุบันสถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยบางแห่งก็เริ่มพัฒนาหลักสูตรการถ่ายภาพด้วยกล้อง D-SLR บ้างแล้ว
ช่างภาพฝีมือดีคนนี้ แนะมือใหม่ในการเลือกซื้อกล้อง D-SLR ว่าให้มองจากงบประมาณเป็นหลัก “เมื่อเราทราบงบประมาณแล้ว จะเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น ส่วนจะเลือกกล้องค่ายไหน ยี่ห้ออะไรนั้นไม่สำคัญ เพราะปัจจุบันต่างก็มีคุณสมบัติที่ดีใกล้เคียงกันทุกค่าย เราควรเลือกจากระบบการใช้งาน สีสันของภาพที่ได้ การจับถือแล้วชอบหรือเปล่า และสุดท้ายก็อาจจะมาพิจารณาที่บริการหลังการขาย ช่างภาพมือใหม่บางคนอาจยังเข้าใจผิดเรื่องจำนวนพิกเซล ว่าถ้ามีจำนวนพิกเซลสูงๆแล้วภาพจะสวยกว่า แต่ความจริงแล้วไม่เกี่ยว กล้อง D-SLR 10 ล้านพิกเซล ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว สามารถนำไปอัดภาพขนาด 20 นิ้วได้สบายๆ”
ส่วนการเลือกเลนส์ วิชัยแนะนำว่า ให้ลองใช้ Normal Lens ที่ติดกล้องไปก่อน เพราะการเริ่มต้นนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เลนส์ราคาแพง ควรใช้เวลาเรียนรู้ว่า ตนเองชอบการถ่ายภาพแนวไหน ศึกษาให้ถ่องแท้ โดยใช้เลนส์ normal ฝึกมือไปเรื่อยๆจนเชี่ยวชาญ แล้วค่อยตัดสินใจซื้อเพิ่มเติมภายหลังก็ได้ “ช่างภาพวัยนักศึกษาไม่จำเป็นต้องไปซื้อเลนส์ระดับโปร อย่าไปคิดว่า ถ่ายด้วยเลนส์ราคาแพง แล้วภาพจะสวยได้ทันที การเริ่มต้นด้วยเลนส์ติดกล้อง ก็สามารถถ่ายภาพให้สวยได้ จริงอยู่ว่า เลนส์ราคาแพงมีคุณสมบัติบางอย่างที่ดีขึ้น แต่นักศึกษาเอง ก็ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของงบประมาณด้วย”
ช่างภาพมากประสบการณ์ ยังแนะวิธีพัฒนาฝีมือในการถ่ายภาพว่า การศึกษาจากหนังสือ หรือเว็บไซต์ก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่จะทำให้ได้รู้เทคนิคต่างๆมากมาย แต่การปฏิบัติเป็นสิ่งสำคัญที่สุด “น้องๆ ควรไปลองฝึกฝนการถ่ายภาพด้วยตัวเอง ไปกันเป็นกลุ่มกับเพื่อนๆ หรือไปร่วมกิจกรรมการถ่ายภาพกับชมรม กลุ่มต่างๆ เพื่อจะได้มีคนคอยช่วยเหลือ แนะนำ และได้เรียนรู้เทคนิคจากช่างภาพที่มีประสบการณ์ นำมาประยุกต์ใช้ ข้อสำคัญ การที่เราไปกับเพื่อนหลายๆกลุ่ม ย่อมเกิดความรู้สึกสนุกสนาน รักการถ่ายภาพมากขึ้น และทำให้น้องๆได้ฝึกฝนการถ่ายภาพหลายๆแนวอีกด้วย ส่วนการเปิดตำราอ่านนั้น ได้ความรู้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่การออกไปถ่ายรูปบ่อยๆ คือ สิ่งที่ดีที่สุดที่จะพัฒนาทักษะฝีมือการถ่ายภาพให้ตนเองได้”
อย่างไรก็ตาม วิชัย แนะนำข้อคิดเตือนใจสำหรับมือใหม่ว่า หากคิดจะฝึกฝนการถ่ายภาพด้วยการออกไปรับงานสำคัญๆ เช่น งานรับปริญญา หรืองานแต่งงาน ควรเริ่มต้นจากการเป็นผู้ติดตาม หรือตากล้องมือสองเสียก่อน
“ผมไม่แนะนำให้น้องๆไปรับงานเอง เพราะเสี่ยงไป การที่เราจะไปรับผิดชอบวันสำคัญ หรือเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของบุคคลอื่นนั้น ควรเริ่มจากการเป็นช่างภาพรอง ติดตามช่างภาพหลักเพื่อฝึกประสบการณ์ให้ชำนาญในระดับหนึ่งเสียก่อน เมื่อมีความเข้าใจ มีฝีมือมากพอแล้ว จึงค่อยไปรับงานเอง”
สุดท้าย ช่างภาพมือโปร ยังฝากคำคมสำหรับการถ่ายภาพให้กับน้องๆมือใหม่ว่า “อย่าไปให้ความสำคัญกับกล้อง และอุปกรณ์ราคาแพงมากจนเกินไป เพราะปัจจัยสำคัญที่สุดในการถ่ายภาพให้สวยงามนั้น คือ คนหลังกล้อง”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 มีนาคม 2553 08:56 น.

วันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553

ช้ำเกิน โปรดักชั่นห่วย
โฉมหน้า 4 สาวเด็ดสะระตี่ที่ตกรอบ!!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 เมษายน 2553 12:41 น.

คลิกเพื่ออ่าน 8 อันดับนุ่งหวิว เกจิตัวพ่อ “ต่อพงษ์” ให้แต้ม ร้อนแหล่มเลย!

เรามาติดตามต่อกันเลยว่า 4 สาวซึ่งตกรอบมีใครบ้าง และทำไมเกจิของเรา ต่อพงษ์ เศวตามร์ ถึงไม่เลือก.. ทั้งๆ ที่ออกจะเซ็กซ์ซี่ตัวแม่ทั้งน้านนน
Photobucket

มด-ชุติมณฑน์ ชัยรัตน์
ไม่ใช่เพราะเธอเคยมีคลิปโชว์ แต่เพราะภาพมันห่วย

Photobucket

“ถ้านับว่านี้คือการรอคอยมาทั้งปี คนนี้ไม่อยู่ในสาระบบว่า สมกับการรอคอย มันไม่มีอะไรโดดเด่น อยู่ในมาตรฐานเดียวกับน้องสายป่าน คือ ไม่ร้อน และไม่เย็น ดูไปก็ปกติ ไม่น่าซื้อเก็บ ผมว่าเค้าไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อ มันไม่ทำให้ภาพมันร้อนได้

คุณสังเกตอะไรบ้างเวลาดูภาพ สมมติเราบอกว่า ข้างหลังคือภาพถ่ายในสตูดิโอ คุณเชื่อมั้ย ทั้งแสงทั้งอะไร มันแบนไปหมดเลย เทียบกับของคริส หอวัง เล่มนั้นมันมีมิติ มันดูสวย แสงมันเข้า มันดูไม่สมบูรณ์แบบจนเกินไป เห็นเงา เห็นทะเล เห็นเหงื่อ เห็นความมันของเหงื่อ

ของมดเล่มนี้ เหมือนช่างภาพไม่ทำการบ้าน เหมือนถ่ายในสตูดิโอมาก ผมว่าเค้าไม่ได้นึกถึงใจของคนอ่านมากกว่า ถ้าคอนเซ็ปต์ฉบับนี้เป็นฉบับหน้าร้อน คนอยากจะไปทะเล ผู้ชายที่อยากจะไปทะเลน่ะ ดังนั้นคงต้องมาคิดว่าจะออกแบบแนวคิดยังไงให้คนรู้สึกอยากไปทะเลเมื่อมองภาพนี้

ถามว่า มดดูเอ็กซ์เซ็กซี่หรือไม่ ผมว่าอยู่มาตรฐานเดียวกับสายป่าน ดูธรรมดา ไม่มีอะไรมาก ซึ่งการที่ไม่รู้สึกว่ามีอะไรแปลกใหม่นี้ ไม่ได้เกิดจากเพราะเธอเคยมีคลิปโชว์นะ แต่มันเป็นเพราะว่าภาพมันห่วย ต้องโทษช่างภาพ คนจัดแสง และสไตล์ลิสต์ผมเลยไม่ได้มองว่ามันโดดเด่นพอที่จะนำมาจัดอันดับ”


นนนี่-ภัทรนันท์ ดีรัศมี (วงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่)
แทบจะเห็นขอบกางเกงในทุกเวลาที่เธอปรากฏตัวอยู่แล้ว เลยไม่ตื่นเต้น
Photobucket

“ถึงการถ่ายชุดว่ายน้ำชุดนี้เป็นครั้งแรกๆ ของแนนนี่ แต่ประเด็นของแนนนี่ ที่ทำให้ไม่ตื่นเต้น ก็คือ ปกติก็แต่งแบบนี้อยู่แล้ว เราแทบจะเห็นขอบกางเกงในของเธอทุกเวลาที่ปรากฏตัวปกติ มันเลยดูไม่ตื่นเต้น

ส่วนหุ่นของเธอ ผมว่าตัวสูงดี หน้าอกไม่ใหญ่นัก แต่หน้าตาเหมือนเด็กแว้นซ์เด็กสก๊อยประมาณนั้น ถ้าถามว่าหน้าตาเชิญชวนมั้ย ก็อย่างที่บอก ความตื่นเต้นมันไม่เกิด อาจเพราะว่าเค้าเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ตอนเธอเล่นMV อาจจะดูเอ็กซ์กว่านี้ก็ได้ เวลาเธออยู่กับเพื่อนๆ เธอเต้นฟัดกระด้งของเธอ ที่ทำท่าแบบกระเด้งๆ เหมือนแม่ค้าขายเงาะ ที่ล้างเงาะแล้วเอามาทำให้สะเด็ดน้ำออกอ่ะ อันนั้นอาจจะดูเซ็กซ์ซี่กว่ามาถ่ายแบบนี้อีกนะผมว่า (ท่าเต้นเพลงตุ๊กตาหน้ารถ ของวงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่)”

บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี
ไม่เด่นเข้าอันดับ เพราะดูแล้วรู้สึกกำลังขายชุดว่ายน้ำมากกว่า
Photobucket

“บุ๋มก็โอเคนะ สวย เย้ายวน เซ็กซ์ซี่ใช้ได้ ดูแล้วถ่ายชุดว่ายน้ำได้ ไม่ได้มีมาดนางสาวไทยเหมือนหมิง ถึงจะทำหน้าอกมา แต่ก็ไม่ได้แบบบีบ เหมือนดาราเดี๋ยวนี้ที่นอกจากไปทำหน้าอกมาแล้ว ยังบีบอีก มันทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ

แต่ว่าภาพถ่ายชุดว่ายน้ำครั้งนี้ไม่โดดเด่น แต่ละรูปดูธรรมดาพอกัน คงเพราะคนคัดชุดมาให้ค่อนข้างจะแม่น ก็เลยทำให้ถ่ายออกมาแล้วดูดี ทำให้การจัดอันดับครั้งนี้ที่บุ๋มไม่เด่น ก็เพราะเวลาดูแล้ว มันไม่ได้ชวนไปเที่ยวทะเล แต่เป็นการขายชุดว่ายน้ำมากกว่า”

เป้ย-ปานวาด เหมมณี
นมของเป้ยออกมาทุกสัปดาห์ แรกอาจเย้ายวน แต่ตอนนี้เยอะไป
Photobucket

“ปัญหาของเป้ยอยู่ที่นม คือ นมของเป้ยออกมาทุกสัปดาห์ วันเว้นวันก็มี โดยมีท่าเดียวกันหมด แรกๆ ก็อาจจะเย้ายวนนะ แต่ตอนนี้มันเยอะไป

ผมชอบรูปที่เค้าก้มลง(รูปบนซ้าย) ไม่ต้องพยายามโชว์มาก ดูแล้วมีอะไรน่าค้นหากว่า

ถ้าถามว่ารูปนอน(ด้านล่าง) ผู้ชายมองแล้วอยากอิงแอบหรือไม่ เพราะนอนเย้ายวนซะขนาดนี้ ผมว่ายังไม่ แต่ถ้ารูปนี้เป้ยแหงนหน้าขึ้น แล้วเอามือล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงให้สุด มันจะ feel อีกอย่างเลย เหมือนทำอะไรอยู่? ..เกาอยู่..อะไรอย่างนี้ แล้วก็ไม่ต้องมองกล้อง ให้ทำเหมือนแยกตัวเองไม่สนใจใคร รูปนี้จะเจ๋งกว่านี้

โดยรวมสำหรับเป้ย ผมว่าไม่น่าซื้อเก็บนะ ดูตามทีวีก็มีเยอะ และบ่อยด้วย”

มองขาด มองคม สมเป็นนักวิจารณ์ตัวพ่อ ต่อพงษ์ เศวตามร์ ด้วยมุมมองทั้งในเชิงมิติตัวตนนางแบบ ที่มีทั้งเรื่องรูปร่างหน้าตา ภาพลักษณ์ และโปรดักชั่น(Production) องค์ประกอบการถ่ายแบบ กระทั่งคอนเซ็ปต์กึ๋นของทีมงาน
ชุดนักศึกษาม.รังสิต

ระเบียบการแต่งกายของนักศึกษา
นักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต จะต้องประพฤติตนให้อยู่ในระเบียบของมหาวิทยาลัย ว่าด้วย งานวินัยนักศึกษาที่กำหนดให้นักศึกษาต้องแต่งกายให้เรียบร้อยเมื่อเข้ามาในมหาวิทยาลัย เข้าห้องเรียน และติดต่อหน่วยงานต่างๆ ของมหาวิทยาลัย นักศึกษาต้องแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ห้ามนักศึกษา สวมเสื้อยืด กางเกงยีนส์ หรือกระโปรงยีนส์ ห้ามสวมรองเท้าแตะหรือรองเท้าฟองน้ำ โดยนักศึกษาต้องแต่งกายตามระเบียบของนักศึกษาดังนี้

นักศึกษาชาย
1. ให้สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวไม่มีลวดลาย แขนยาว หรือสั้นก็ได้ ถ้าใช้แขนยาว ต้องไม่พับแขน

2. กางเกงให้ใช้สีกรมท่า สีดำ และสีน้ำตาลเข้ม (อนุโลมให้ใช้สีเทาออกดำได้) รูปทรงของ กางเกงต้องเป็นทรงสุภาพ ไม่มีลวดลาย

3. รองเท้า ใช้รองเท้าหุ้มส้นสีดำ (อนุโลมให้ใช้รองเท้ากีฬา หรือรองเท้าผ้าใบสีอ่อนสุภาพ)

4. เนคไทสีกรมท่า มีตรามหาวิทยาลัยอยู่ ตรงกลาง

5. เข็มขัดสีดำ พร้อมหัวเข็มขัดสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย

นักศึกษาหญิง
1. ให้ใช่เสื้อเชิ้ตสีขาว แขนสั้นไม่มีจีบผ้าเนื้อเรียบ ไม่มีลาย ติดกระดุมโลหะ สัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย

2. กระโปรงสีกรมท่า สีดำหรือสีน้ำตาลเข้ม (อนุโลมให้ใช้สีเทาออกดำได้) ผ้าที่ใช้ ต้องเป็นผ้าเนื้อเรียบไม่มีลาย แบบเรียบสุภาพ ไม่รัดทรง ความยาวพอเหมาะ

3. เข็มขัดสีดำพร้อมสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย

4. รองเท้าหุ้มส้นสีดำแบบสุภาพ (อนุโลมให้ใช้รองเท้ากีฬา หรือรองเท้าผ้าใบสีอ่อนสุภาพ)

5. เข็มกลัดเครื่องหมายสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยติดอกเสื้อด้านซ้าย

หมายเหตุ :
1. ระเบียบว่าด้วยเรื่องการแต่งกายของนักศึกษานี้ เป็นมติการประชุมของคณะกรรมการสโมสรนักศึกษา และคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยรังสิตในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2529

2. การแต่งกายออกไปศึกษานอกมหาวิทยาลัยฯ ให้แต่งกายเครื่องแบบของมหาวิทยาลัยฯ

มหาวิทยาลัยรังสิตได้รับการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานจากสำนักงานมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(องค์กรมหาชน)
สงวนลิขสิทธิ์ © 2004-2010 มหาวิทยาลัยรังสิต
มหาวิทยาลัยรังสิต, 52/347 หมู่บ้านเมืองเอก, ถนนพหลโยธิน, หลักหก, ปทุมธานี 12000
โทรศัพท์: (662) 997-2200-30 ต่อ 5555, โทรสาร: (662) 997-2200 ต่อ 5577, อีเมล: info@rsu.ac.th
Web Hosting By NetdesignHost.com