tag:blogger.com,1999:blog-39289026893940258012024-03-13T14:51:53.328-07:00ชุดนักศึกษา University storyชุดนักศึกษา เสื้อนักศึกษา หญิง ชาย กระโปรงนักศึกษา ไซส์ใหญ่ กางเกงเดฟ เข็มขัด ตุ้งติ้ง ทรงผมรับปริญญาUnknownnoreply@blogger.comBlogger28125tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-81164839840493800112014-07-21T01:48:00.004-07:002014-07-21T01:48:24.546-07:00<table bgcolor="red"><tbody>
<tr><td><h2>
พบกับ ชุดนักศึกษา <a href="http://www.blackwhiteshop.net/">black white </a>พบกับ ชุดนักศึกษา black white ที่ชั้น 1 ข้างบันไดเลื่อนห้างสรรพสินค้าแฟชั่นมอลล์ ตรงช้ามห้างเซ็นเตอร์วัน อนุสาวรีย์ชัย</h2>
</td></tr>
</tbody></table>
1.blackwhite shop ห้างเซ็นเตอร์วัน ชั้น 1 เดินผ่าน แมคโดนัลด์ ตรงไปในสุด หน้าพรเกษมคลีนิก อนุสาวรีย์ชัย<br/>
2.blackwhite shop ชั้น 1 ข้างบันไดเลื่อนห้างสรรพสินค้าแฟชั่นมอลล์ ตรงช้ามห้างเซ็นเตอร์วัน อนุสาวรีย์ชัยตรงข้ามเซ็นเตอร์วัน อนุสาวรีย์ชัย <br/>
3.ร้าน black & white ยูเนี่ยนมอลล์ ลาดพร้าว ด้านประตูทางเข้ายูเนี่ยนมอลล์ ที่มาจากสะพานลอยเชื่อมฝั่ง เซ็นทรัล<br/>
4.ร้านมิ่งเมือง ตะวันนา บางกะปิ โซนนักศึกษาด้านหลัง<br/>
5.มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต ร้านอยู่หน้ามหาลัย<br/>
6.ร้าน black & white ราชมงคล คลอง 6<br/>
7.ร้านราศีเมษ อิมพีเรียล สำโรง ชั้น3<br/>
8.ร้านอุ้มเงิน อิมพีเรียล สำโรง ชั้น3<br/>
9.ร้านมุมนักศึกษา ฃั้น 1 ห้างแฮปปี้แลนด์เซ็นเตอร์ หล้งห้างน้อมจิต(NJ Mart)บางกะปิ<br/>
ไปสาขาไหนไม่ถูก สอบถาม 081-1318833 หรือท่านสามารถสั่งซื้อทางไปรษณีย์ ส่งทั่วประเทศ<br/>
สอบถาม 081-1318833 สินค้าบางอย่างบางสาขาอาจจะมีไม่ครบ<br/>
เพื่อสะดวกสอบถามก่อน 081-1318833 ขอขอบคุณผู้มีพระคุณทุกท่านค่ะ Unknownnoreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-75864685933036832112014-04-25T00:15:00.002-07:002014-04-25T00:17:51.604-07:006 หนุ่มสาวศิลปศาสตร์ คว้ารางวัลพระราชทานการแข่งขันภาษาฝรั่งเศส<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-73QYkZYVOtI/U1oLJOZWecI/AAAAAAAADXM/6DgiFpkCXdw/s1600/557000004419002.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/-73QYkZYVOtI/U1oLJOZWecI/AAAAAAAADXM/6DgiFpkCXdw/s1600/557000004419002.JPEG" height="320" width="213" /></a></div>
<h1 class="headline" style="font-family: Tahoma;">
<strong><span style="background-color: black; color: #bf9000; font-size: large;">6 นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต คว้ารางวัลพระราชทานจากการแข่งขันขัน “Le francais : le grand defi” ซึ่งจัดโดยสมาคมครูภาษาฝรั่งเศสแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ในภาษาฝรั่งเศส</span></strong></h1>
<div>
<strong><span style="background-color: black; color: #bf9000; font-size: large;"><br /></span></strong></div>
<div>
<strong><a href="http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9570000042670"><span style="background-color: black; color: #bf9000; font-size: large;">อ่านต่อ manager online</span></a></strong></div>
Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-1768243264384997582011-12-13T18:46:00.000-08:002011-12-13T18:56:28.279-08:00ความในใจของพริตตี้<table><tr><td><a href="http://3.bp.blogspot.com/-C4lwVWy1utI/TugPw0LJhZI/AAAAAAAAC9o/1NDsv1MWOwk/s1600/Korea_Japan_Pretty_10.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 314px; height: 400px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-C4lwVWy1utI/TugPw0LJhZI/AAAAAAAAC9o/1NDsv1MWOwk/s400/Korea_Japan_Pretty_10.jpg" border="0" alt="ความในใจของพริตตี้"id="BLOGGER_PHOTO_ID_5685811860868793746" /></a><a href="http://4.bp.blogspot.com/-gPKKDm-wmD0/TugPSSfkEWI/AAAAAAAAC9c/_VepbUq6Uv4/s1600/imagesCAYN38T4.jpg"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 167px; FLOAT: left; HEIGHT: 302px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5685811336431538530" border="0" alt="ความในใจของพริตตี้" src="http://4.bp.blogspot.com/-gPKKDm-wmD0/TugPSSfkEWI/AAAAAAAAC9c/_VepbUq6Uv4/s400/imagesCAYN38T4.jpg" /></a></td></tr></table><span style="color:#cc9933;"><span style="font-size:130%;">1. นู๋เป็นแค่พริตตี้ค่ะ ไม่ใช่เซลล์ อย่าถามข้อมูลลึกได้ม๊ายย กรุก้อเพิ่งมารุ มะเช้านี้เอง<br /><br />2. โปรดอย่ามาจีบนู๋ ส่วนใหญ่พวกนู๋ มีแฟนแล้ว ทั้งนั้น<br /><br />3. แล้วแฟนพวกเราส่วนใหญ่ มักไม่หล่อ<br /><br />4. อย่าชวนกินเหล้าค่ะ เด๋วไม่พอ แดกเหล้าเก่งซ้าาาาา ทุกนาง 55+ จริง ๆ<br /><br />5. เวลามีงาน เอ่ออออ ครือว่า ไม่ทราบจะถ่ายรูปนู๋ไปทำมัยนักหนาคะ กูเมื่อยยิ้มเหมือนกันนะเว้ย<br /><br />6. ถึงคุนช่างภาพมือโปรทั้งหลาย ถ่ายรูปนู๋ไม่ต้องใช้ซูมขนาดนั้นหรอกค่ะ โปรดระลึก เสมอนะคะว่า พวกนู๋ทั้งหลายก้อต่างมี สิว กระ ฝ้า หรือริ้วรอยอารยะธรรมต่างๆ ที่ไม่ได้อยากให้ใครเห็นเหมือนกันค่ะ ไม่ใช่ส่องสัตว์เขาใหญ่ ไม่ต้องซูมขนาดนั้น<br /><br />7. เวลามาถ่ายรูป ละซูม นม ซูม ก้น พวกนู๋รู้นะคะ มันออกทางสีหน้าค่ะ<br /><br />8. เอ่อ... พริตตี้ไม่จำเป็นต้องใส่บูทก้อได้มั้งคะ ผ้าใบ กูก็ใส่เป็น..<br /><br />9. ทำไมชอบนึกว่า หนูทำงานสบาย ยืน วันละ 7-8 ชั่วโมงบนรองเท้าส้นสูง 3-4 นิ้ว ยามยังแพ้ ทำไม่ได้นะคะ<br /><br />10. อย่าคิดว่าพวกนู๋รวย บางเดือนแทบไม่มีแดก คอนเฟิร์ม<br /><br />11. ถึงคุณแม่ช่างแต่งหน้าค่ะ คือว่า พวกนู๋บางคนก้อไม่ได้ดูดีใน ปากสีแดง หรืออายชาโดว์สีฟ้านะคะ แต่งแม่งบล็อคเดียว<br /><br />12. อย่าพยายามขอเบอร์ โดยการอ้างว่าจะมีงาน อะไรเทือกนี้ พวกเราทุกคนรู้ทันหมดล่ะค่ะ แต่ไม่อยากพูด กลัวพี่หน้าแหก เจอหลอกแดกจะรู้สึก<br /><br />13. พวกนู๋บางคน แก่กว่าพี่อีกค่ะ (หน้าด้านเรียกพี่)<br /><br />14. อย่าพยายามดีใจทุกครั้งที่แซวพวกนู๋ได้ค่ะ ที่นู๋ยิ้ม ไม่ใช่อาย หรือดีใจที่แซว นู๋ด่าในใจอยู่ค่ะ ไอ้หน้าหม้อ ไม่เจียม แต่ด้วยหน้าที่ ด่าออกมาไม่ได้ค่ะ ถ้าชอบไม่ต้องกลัว จะเข้าไปเอง อย่างโจ่งแจ้ง<br /><br />15. แคสงานนะคะ ไม่ใช่ประกวดนางงาม ถึงจะได้มีคุณสมบัติเพียบพร้อม เลือกซะทำงานระดับโลก<br /><br />16. งานวันเดียว ราคาไม่ถึง 2พันบาท อย่าเรียกแคสเลยค่ะ หักค่าใช้จ่ายแล้ว พวกนู๋เหลือเงินแทบไม่ถึง 5 ร้อยเลยค่ะ แล้วช่วยจ่ายตังเลยจะดี เพราะมันวันเดียว<br /><br />17. พวกนู๋ตื่นสาย (มาก) ถึงมากที่สุด<br /><br />18. นักล่ารางวัลทั้งหลาย เอาไปทำซากอะไรเยอะแยะ คะนั่น พวกนู๋ทุกคนจำหน้าพี่ได้ค่ะ เสนอหน้าทุกงาน<br /><br />19. เวลามาทำงานให้ตรงเวลา เวลาจ่ายตังขอให้ตรงด้วยนะคะ ทวงแม่งก็ว่า กูผิดเหรอ<br /><br />20. พวกเราทุกคนมีหน้าที่หรือมีงานต่อค่ะ ถึงเวลาเลิกช่วยให้เลิกด้วยนะคะ ไอ้ประเภทบอกว่านายยังไม่มา หรือว่าอะไรประมาณนี้ไม่เกี่ยวกะพวกกูหนิคะ ถึงเวลาเลิกควรให้เลิกค่ะ เพราะไม่งั้น งานต่อไปเค้าจะว่า "พริตตี้ชอบเลท" ค่ะ<br /><br />21. เวลามีดารามาร่วมงาน กรุณา ให้เกียรติพวกนู๋บาง คนเหมือนกัน ทำซะกูเป็นขยะเลย พวกนู๋ก็สำคัญ<br /></span>ที่มา : forward mail</span>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-53900020633630467012011-12-13T17:16:00.000-08:002011-12-13T17:31:56.735-08:00รวมพลังแนวร่วมนิสิต-นักศึกษา ค้าน ‘ม.นอกระบบ’ ไม่เอา ‘บริษัท มหาวิทยาลัย จำกัด’<a href="http://1.bp.blogspot.com/-szSJsp9RWes/Tuf5wQ9qvfI/AAAAAAAAC8I/z2b-pYv6YMo/s1600/ssdsc_3391.jpg"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 300px; FLOAT: left; HEIGHT: 169px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5685787662161198578" border="0" alt="รวมพลังแนวร่วมนิสิต-นักศึกษา ค้าน มหาลัยนอกระบบ ไม่เอา บริษัท มหาวิทยาลัย จำกัด" src="http://1.bp.blogspot.com/-szSJsp9RWes/Tuf5wQ9qvfI/AAAAAAAAC8I/z2b-pYv6YMo/s400/ssdsc_3391.jpg" /></a><br /><span style="font-size:130%;color:#cc9933;"><span style="color:#339999;">กลุ่มแนวร่วมนิสิต-นักศึกษา คัดค้านการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ เดินสายรณรงค์ใน “ม.ขอนแก่น” แสดงจุดยืนไม่ให้ “มหาวิทยาลัย” กลายเป็น “บริษัท มหาวิทยาลัย จำกัด” เผยอยากมีชีวิตที่สวยงามในมหาวิทยาลัยที่รับใช้ประชาชน<br /></span>วันนี้ (11 ธ.ค.54) กลุ่มแนวร่วมนิสิต-นักศึกษา คัดค้านการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ซึ่งประกอบด้วยเครือข่ายนักศึกษาจาก 11 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ จำนวนประมาณ 80 คน รวมพลังแสดงจุดยืนคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ โดยเคลื่อนขบวนไปที่ตึกอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น และร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อส่งสารถึงอธิการบดีฯ คัดค้านการนำมหาวิทยาลัยขอนแก่นและสถาบันการศึกษาของรัฐ ออกไปเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ (ออกนอกระบบ)<br /></span><a href="http://4.bp.blogspot.com/-FtKqHx2bbL0/Tuf59bDZKjI/AAAAAAAAC8U/Gnrr6XFE9dQ/s1600/6492609301_42db8e8742.jpg"><span style="font-size:130%;color:#cc9933;"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 214px; FLOAT: left; HEIGHT: 320px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5685787888207866418" border="0" alt="รวมพลังแนวร่วมนิสิต-นักศึกษา ค้าน มหาลัยนอกระบบ ไม่เอา บริษัท มหาวิทยาลัย จำกัด" src="http://4.bp.blogspot.com/-FtKqHx2bbL0/Tuf59bDZKjI/AAAAAAAAC8U/Gnrr6XFE9dQ/s320/6492609301_42db8e8742.jpg" /></span></a><span style="font-size:130%;"><span style="color:#cc9933;"><br /><br />ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้าตึกอธิการบดีฯ กลุ่มแนวร่วมนิสิต-นักศึกษาฯ ได้นำป้ายผ้ามาปูเพื่อเปิดให้นักศึกษาเขียนข้อความส่งถึงอธิการบดีฯ และให้กำลังใจกลุ่มเพื่อนนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ออกมาเครื่องไหวในเรื่องการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ อีกทั้งมีการพับจรวดกระดาษเพื่อเป็นการทวงถามถึงการเดินทางมายื่นหนังสือต่ออธิการบดีเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่าเสียงของเหล่านักศึกษาจะดังไปถึงอธิการบดีฯ หรือไม่ อย่างไรก็ตามในวันนี้เป็นวันหยุดของมหาวิทยาลัย จึงไม่มีการออกมารับข้อเรียกร้องของกลุ่มแนวร่วมนิสิต-นักศึกษาฯ<br /><br />จากนั้น กลุ่มแนวร่วมนิสิต-นักศึกษา ได้นำป้ายผ้าที่เขียนเสร็จเคลื่อนขบวนไปยังศูนย์อาหารและบริการมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้ข้อมูลกับนักศึกษาและประชาชนทั่วไปให้ในรับทราบถึงจุดยืนของการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนต่อไปยังบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยขอนแก่น และทำการติดป้ายผ้า “หยุด บริษัท ม.ขอนแก่น จำกัด” ที่ป้ายมหาวิทยาลัย พร้อมติดสติ๊กเกอร์สีชมพูไว้ที่ป้ายมหาวิทยาลัยด้วย<br /><br />นายณัฐพงษ์ ภูแก้ว หนึ่งในกลุ่มแนวร่วมนิสิต-นักศึกษาฯ กล่าวว่า การติดสติ๊กเกอร์สีชมพูนี้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเรามีความคาดหวังในการเรียนรู้และมีชีวิตที่สวยงามในมหาวิทยาลัยที่รับใช้ประชาชน เราอยากมองโลกที่สดใส แม้ในตอนนี้จะยังทำอะไรไม่ได้มากมาย แต่สิ่งที่ทำได้คือการออกมาร่วมกันทำกิจกรรมตรงนี้เพื่อแสดงพลัง<br /><br />นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงการออกมาร่วมเคลื่อนไหวในครั้งนี้ว่า ส่วนตัวเขาคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบมาตั้งแต่ปี 2551 และถึงปัจจุบันผลกระทบที่เกิดขึ้นก็เป็นจริงตามที่เคยคาดการณ์ไว้ เช่นในเรื่องค่าเล่าเรียนที่แพงขึ้นมาก ขณะที่สภาพแวดล้อมทางการศึกษากลับไม่ได้เอื้ออำนวยต่อการเรียนการสอนมากขึ้นกว่าเดิมดังที่เคยมีการกล่าวอ้างก่อนหน้านี้ นอกจากนั้นยังพบว่าการกำหนดนโยบายและอัตราค่าจ้างของมหาวิทยาลัยก็ไปขึ้นกับสภามหาวิทยาลัยที่มีองค์ประกอบเป็นคนคณะอาจารย์และบุคคลภายนอก โดยมีอธิการบดีเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ<br /><br />จากกรณีตัวอย่างที่มีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยบูรพานำมาบอกเล่าให้กับเพื่อนในเครือข่ายถึงการเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐทำให้เห็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้ง ใน พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ของมหาวิทยาลัยบูรพา ยังระบุถึงการตั้งบริษัทของมหาวิทยาลัยเพื่อนำเงินมาใช้บริหารจัดการ ทำให้เกิดเป็นคำถามต่ออุดมการณ์ที่แท้จริงของสถาบันการศึกษา<br /><br />นายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า การเคลื่อนไหวในวันนี้เป็นกิจกรรมต่อจาก เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่เครือข่ายนักศึกษาคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยขอนแก่นออกนอกระบบ ได้เข้ายื่นหนังสือระบุข้อเรียกร้องต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเมื่อครบกำหนด 7 วัน ตามที่ระบุไว้ภายในหนังสือข้อเรียกร้อง ทางเครือข่ายคงต้องออกมาทำกิจกรรมกันอีกครั้ง อย่างไรก็ตามในส่วนของเพื่อนกลุ่มแนวร่วมนิสิต-นักศึกษาฯ ได้มีการพูดคุยกันว่า หลังจากนี้จะมีการจัดกิจกรรมรณรงค์ต่อเนื่องไปยังมหาวิทยาลัยอื่นๆ โดยต่อไปคือมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และจะมีการกระจายข่าวสารผ่านทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ในเฟซบุ๊ก<br /><br />ทั้งนี้ เกี่ยวกับการนำเสนอข่าวการเคลื่อนไหวของนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นเพื่อคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยขอนแก่นออกนอกระบบ นายกิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เขียนชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกรณีไม่ยอมลงลายมือชื่อรับทราบการยื่นหนังสือข้อเรียกร้องของเครือข่ายนักศึกษาในท้ายข่าวดังกล่าวของเว็บไซต์ประชาไท (คลิกเพื่ออ่าน)<br /><br />“ผมได้ชี้แจงประเด็นคำถามที่นักศึกษาถามทุกคำถามจนนักศึกษาที่มาไม่มีประเด็นจะสอบถามเพิ่มเติมแล้วจึงได้เดินทางกลับ การที่ผมไม่เซ็นรับเอกสารเพราะไม่ใช่หน้าที่ของผม แม้หนังสือจากรัฐบาลที่ส่งมาก็มีเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่แล้ว และผมก็ได้ชี้แจงแล้วว่าคนที่จะรับจดหมายคือกองกลาง สำนักงานอธิการบดี” คำชี้แจงระบุ<br /><br />อนึ่ง กลุ่มแนวร่วมนิสิต-นักศึกษา คัดค้านการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ประกอบด้วยเครือข่ายจาก 11 มหาวิทยาลัย ดังนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยมหิดล</span><br /></span><a href="http://4.bp.blogspot.com/-fallJd8uEqs/Tuf6mkmAvAI/AAAAAAAAC9E/KKw_ovBs9dg/s1600/6492607425_0921792b61.jpg"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 320px; FLOAT: left; HEIGHT: 214px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5685788595143621634" border="0" alt="รวมพลังแนวร่วมนิสิต-นักศึกษา ค้าน มหาลัยนอกระบบ ไม่เอา บริษัท มหาวิทยาลัย จำกัด" src="http://4.bp.blogspot.com/-fallJd8uEqs/Tuf6mkmAvAI/AAAAAAAAC9E/KKw_ovBs9dg/s320/6492607425_0921792b61.jpg" /></a><br /><a href="http://3.bp.blogspot.com/-yp1jeZvLvJE/Tuf6mcJwqDI/AAAAAAAAC80/5Rc7-42M3lE/s1600/6492605525_0cf7a80349.jpg"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 320px; FLOAT: left; HEIGHT: 214px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5685788592877643826" border="0" alt="รวมพลังแนวร่วมนิสิต-นักศึกษา ค้าน มหาลัยนอกระบบ ไม่เอา บริษัท มหาวิทยาลัย จำกัด" src="http://3.bp.blogspot.com/-yp1jeZvLvJE/Tuf6mcJwqDI/AAAAAAAAC80/5Rc7-42M3lE/s320/6492605525_0cf7a80349.jpg" /></a><br /><a href="http://3.bp.blogspot.com/-sKxFxLET8Wo/Tuf6mF-pi9I/AAAAAAAAC8o/0QI5RHSvMDU/s1600/6492604037_897036f58d.jpg"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 320px; FLOAT: left; HEIGHT: 214px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5685788586925460434" border="0" alt="รวมพลังแนวร่วมนิสิต-นักศึกษา ค้าน มหาลัยนอกระบบ ไม่เอา บริษัท มหาวิทยาลัย จำกัด" src="http://3.bp.blogspot.com/-sKxFxLET8Wo/Tuf6mF-pi9I/AAAAAAAAC8o/0QI5RHSvMDU/s320/6492604037_897036f58d.jpg" /></a><br /><a href="http://1.bp.blogspot.com/-NSJ9ncF5H4k/Tuf6mK53r4I/AAAAAAAAC8g/U0FQ8RrWnOk/s1600/6492594031_ea5b88d4c7.jpg"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 320px; FLOAT: left; HEIGHT: 214px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5685788588247592834" border="0" alt="รวมพลังแนวร่วมนิสิต-นักศึกษา ค้าน มหาลัยนอกระบบ ไม่เอา บริษัท มหาวิทยาลัย จำกัด" src="http://1.bp.blogspot.com/-NSJ9ncF5H4k/Tuf6mK53r4I/AAAAAAAAC8g/U0FQ8RrWnOk/s320/6492594031_ea5b88d4c7.jpg" /></a><br />ที่มา ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมืองUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-7952163607993306172011-12-06T04:05:00.000-08:002011-12-06T04:06:21.605-08:00คุณพ่อหล่อที่สุดในโลกของสาวน้อยหัวใจแกร่ง “น้องธันย์ ” เหยื่อรถไฟสิงคโปร์<span style="font-size:130%;color:#cc9933;">หากเอ่ยถึง “ด.ญ.ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์” หลายท่านอาจจะยังไม่คุ้นนัก แต่หากจะบอกว่าเธอคือ “น้องธันย์” เหยื่อรถรางไฟฟ้าสิงคโปร์ที่ถูกตัดขา! หลายคนเป็นต้องร้อง อ๋อ<br /></span><a href="http://2.bp.blogspot.com/-NH5G_05xRvU/Tt4C-IKtNBI/AAAAAAAAC6c/QCaPLaFaodg/s1600/554000016337202.jpg"><span style="font-size:130%;color:#cc9933;"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 295px; FLOAT: left; HEIGHT: 348px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5682983046155678738" border="0" alt="คุณพ่อหล่อที่สุดในโลกของสาวน้อยหัวใจแกร่ง น้องธันย์ เหยื่อรถไฟสิงคโปร์ " src="http://2.bp.blogspot.com/-NH5G_05xRvU/Tt4C-IKtNBI/AAAAAAAAC6c/QCaPLaFaodg/s400/554000016337202.jpg" /></span></a><span style="font-size:130%;color:#cc9933;"><br /><span style="color:#ff6600;">“น้องธันย์” เด็กหญิงชาวจังหวัดตรัง วัย 14 ปี ประสบอุบัติเหตุ พลัดตกลงไปในรถรางไฟฟ้าสิงคโปร์ ระหว่างที่เธอเดินทางไปศึกษาด้านภาษาที่ประเทศสิงคโปร์ จนกลายเป็นข่าวครึกโครมเมื่อต้นปีที่ผ่านมา<br /></span><br />ณ วันนั้น สื่อหลายแขนง มุ่งตรงไปสัมภาษณ์-นำเสนอข่าวการถูกตัดขาทั้งสองข้างของสาวน้อย ที่ใครต่อใครก็มองว่าโชคร้าย... ทว่ากลับตาลปัตร เพราะสิ่งผู้คนในสังคมได้เห็น มิใช่เรื่องราวของสาวน้อยผู้น่าสงสาร น่าหดหู่ แต่เรากลับได้เห็น สาวน้อยที่แสนจะร่าเริงแจ่มใส แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเข้มแข็ง และมีทัศนคติที่ดี มองสิ่งต่างๆ ในแง่บวก ราวกับไม่ได้มีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นกับเธอด้วยซ้ำ!<br /></span><a title="คุณพ่อหล่อที่สุดในโลกของสาวน้อยหัวใจแกร่ง “น้องธันย์ ” เหยื่อรถไฟสิงคโปร์" href="http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9540000154452" target="_blank"><span style="font-size:130%;">อ่านเรื่องดีๆต่อ>>>click</span></a><span style="font-size:130%;"><br /></span>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-7837385523777603242011-12-02T18:19:00.000-08:002011-12-02T19:02:29.070-08:00วัยรุ่นนักศึกษาห่วงท้องกว่ากลัวติดเอดส์<a href="http://1.bp.blogspot.com/-udRMDbaEW60/TtmJfT2s1XI/AAAAAAAAC2Y/xvJ7x-mHEzM/s1600/imagesCAHEV1LY.jpg"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 211px; FLOAT: left; HEIGHT: 238px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5681723575903245682" border="0" alt="วัยรุ่นนักศึกษาห่วงท้องกว่ากลัวติดเอดส์" src="http://1.bp.blogspot.com/-udRMDbaEW60/TtmJfT2s1XI/AAAAAAAAC2Y/xvJ7x-mHEzM/s320/imagesCAHEV1LY.jpg" /></a><br /><span style="font-size:130%;"><span style="color:#cc6600;"><span style="color:#ff6600;">ศูนย์วิจัยโรคเอดส์หวั่นโรคร้ายกลับมาระบาดอีกครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มชายรักชาย เพราะขาดการป้องกันและไม่ตรวจรักษา อนาถ! วัยรุ่นไทยกลัวท้องมากกว่ากลัวติดเอดส์ สมัครใจกินยาคุมฉุกเฉินมากกว่าใส่ถุงยางอนามัย<br /></span></span><span style="color:#cc9933;">ที่ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ศ.เกียรติคุณ นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผอ.ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์โรคเอดส์ว่า ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นปีละ 2 ล้านคน ขณะที่ไทยในปี 2554 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 16,000-20,000 ราย เมื่อเทียบกับเมื่อ 10 ปีก่อนถือว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่น้อยกว่าอยู่มาก แต่เมื่อเทียบกับการรณรงค์ลดการติดเชื้อเอชไอวีจนนำไปสู่การเป็นศูนย์ โดยเฉพาะการตรวจหาเชื้อเอชไอวีโดยสมัครใจทั่วโลก จะพูดตรงกันว่าไม่ใช่วิธีการที่ดีเลย อย่างที่คลินิกนิรนามซึ่งเปิดบริการมากว่า 10 ปีแล้ว แต่พบว่ามีประชาชนมาตรวจน้อยมาก ทั้งที่รัฐสนับสนุนให้ตรวจอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง<br />โดยสถิติผู้มารับการตรวจหาเชื้อเอชไอวีที่คลินิกนิรนามประมาณสัปดาห์ละ 50 คน ในจำนวนนี้พบมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีจำนวน 4-5 ราย ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่ามีการติดเชื้อในกลุ่มชายรักชายมากขึ้น เพราะขาดการป้องกัน, มีคู่นอนหลายคน, มีเพศสัมพันธ์กันง่ายๆ แสดงให้เห็นว่ามีการระบาดหนักในกลุ่มนี้ ดังนั้น ทำอย่างไรจึงจะทำให้คนกลุ่มนี้ตระหนักถึงการป้องกันตัวเอง และตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจรักษามากขึ้น ขณะเดียวกันยังพบด้วยว่า ขณะนี้มีผู้มาขอรับการตรวจรักษาโรคกามโรคด้วย โดยผลการตรวจจะพบใน 1 สัปดาห์ มีผู้ติดเชื้อกามโรค 1 คน ตนจึงกลัวว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะส่งผลให้มีการระบาดของโรคเอดส์ในประเทศไทยอีกครั้ง<br /></span><span style="color:#ff6600;">"เด็กผู้หญิงไทยมีการใช้ยาคุมฉุกเฉินมากกว่าการใช้ถุงยางอนามัย แสดงว่าหญิงไทยกลัวเรื่องท้องมากกว่ากลัวโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้น การรณรงค์ในเรื่องนี้ก็ต้องทำต่อไปแต่ควรหาวิธีการใหม่ๆ” ศ.เกียรติคุณ นพ.ประพันธ์กล่าว.<br /><br /></span></span>เรื่อง : ไทยโพสต์Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-44830597698759038792011-11-29T08:39:00.000-08:002011-11-29T09:01:42.990-08:00แต่งหน้าสวยใสง่าย ๆ สไตล์นักศึกษา<a href="http://1.bp.blogspot.com/-OJKRchsHQlU/TtULQVZEopI/AAAAAAAAC10/7zfObKWb_-E/s1600/182408674_12100244_0.jpg"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 300px; FLOAT: left; HEIGHT: 400px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5680458880245867154" border="0" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/-OJKRchsHQlU/TtULQVZEopI/AAAAAAAAC10/7zfObKWb_-E/s400/182408674_12100244_0.jpg" /></a><br /><span style="font-size:130%;">ผู้หญิงเราพอเติบโตเป็นสาว ก็ล้วนแล้วแต่อยากสวย อยากดูดี อยากแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าให้มีชีวิตชีวามากขึ้นเพื่อเสริมบุคลิกกันเป็นธรรมดา ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ขอให้ได้มีสีสันซักเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว ยิ่งเป็นสาว ๆ วัยมหาวิทยาลัยยิ่งไม่ต้องพูดถึง น้อยคนนักที่อยากจะเปลือยหน้าที่ไร้ซึ่งเครื่องสำอางไปเรียนอย่างแน่นอน แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น สาว ๆ มหาวิทยาลัยหลายคนก็ยังไม่รู้ว่าจะแต่งหน้ายังไงกันดี ให้ดูไม่หนาและสวยสมวัย วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยเอาวิธีง่าย ๆ ที่ทำให้สาว ๆ ดูสวยสดใสเป็นธรรมชาติมาฝากกันจ้า<br /></span><a href="http://3.bp.blogspot.com/-WMlRyA9d7qk/TtULhJt7RPI/AAAAAAAAC2A/KbYkWAB4_IY/s1600/767127.jpg"><span style="font-size:130%;"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 400px; FLOAT: left; HEIGHT: 260px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5680459169169884402" border="0" alt="" src="http://3.bp.blogspot.com/-WMlRyA9d7qk/TtULhJt7RPI/AAAAAAAAC2A/KbYkWAB4_IY/s400/767127.jpg" /></span></a><br /><span style="font-size:130%;">1. <span style="color:#ff9900;">ใช้บีบีครีม หรือรองพื้นชนิดบางเบา</span> แตะลงบริเวณหน้าผาก จมูก ใต้ดวงตา จากนั้นเกลี่ยให้ทั่วบริเวณ อ๊ะ แล้วอย่าลืมที่ลำคอด้วยนะจ๊ะ<br /><span style="color:#ff9900;">2. หากอยากจะปกปิดสิว ให้ใช้คอนซีลเลอร์</span>แต้มบนสิว แล้วใช้นิ้วแตะ ๆ อย่างเบามือที่สุด จนคอนซีลเลอร์กลมกลืนกับผิว<br /><span style="color:#ff9900;">3. ใช้พู่กันแตะแป้งฝุ่น</span> แล้วทาให้ทั่วใบหน้า หลีกเลี่ยงการใช้แป้งผสมรองพื้น หรือแป้งอัดแข็ง เพราะจะยิ่งทำให้ใบหน้าดูหนาเตอะไม่เป็นธรรมชาติ<br /><span style="color:#ff9900;">4. เขียนคิ้วบาง ๆ</span> หรือสาว ๆ คนไหนที่มีขนคิ้วหนาพอประมาณ สามารถเน้นให้เข้มขึ้นได้ด้วยมาสคาราสำหรับคิ้วค่ะ<br /><span style="color:#ff9900;">5. ใช้อายชาโดว์สีมุกที่มีประกายเล็ก ๆ</span> เกลี่ยลงบริเวณใต้หางคิ้ว เปลือกตา และใต้ตาเฉพาะบริเวณมุมตาด้านในทั้งสองข้าง<br /><span style="color:#ff9900;">6. ใช้อายชาโดว์สีส้มอ่อน ชมพูพีช หรือน้ำตาลส้ม</span> แต้มบริเวณหางตาบนทั้งสองข้างเล็กน้อย จากนั้นเกลี่ยเขามาสิ้นสุดบริเวณกลางเปลือกตา ให้กลมกลืนกับอายชาโดว์ประกายมุกที่ลงไว้ก่อนหน้านี้<br /><span style="color:#ff9900;">7. ใช้อายไลเนอร์แบบดินสอ วาดไปตามแนวขนตา</span> โดยให้ชิดแนวขนตามากที่สุด การใช้อายไลเนอร์แบบดินสอนี้ จะทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าอายไลเนอร์แบบน้ำ น่ารักสมวัยค่ะ<br /><span style="color:#ff9900;">8. ใช้มาสคาราปัดขนตา</span>ทั้งบนและล่างข้างละ 3 ครั้ง ให้ดูขนตายาวขึ้นแต่ยังคงเป็นธรรมชาติ ไม่ติดกันเป็นแพ เป็นขาแมลงวัน<br /><span style="color:#ff9900;">9. ใช้ทินท์สีส้มหรือชมพู</span> หรือใช้บลัชออนแบบไม่มีประกาย ทาลงบนแก้มให้พอเป็นสีชมพูเลือดฝาด โดยสาว ๆ ที่มีรูปหน้ากลม แก้มเยอะ ให้ปัดลงบริเวณโหนกแก้มเพื่อทำให้หน้าดูมีมิติ ส่วนสาว ๆ ที่มีรูปหน้าตอบหรือเรียวได้รูปอยู่แล้ว ให้ปัดลงบริเวณพวงแก้มทั้งสอง<br /><span style="color:#ff9900;">10. ใช้ทินท์สีส้มหรือชมพู ทาบาง ๆ ลงบนริมฝีปาก</span> จากนั้นใช้นิ้วเกลี่ยให้ทั่ว ปากจะดูมีสีสันขึ้นมาอีกนิดหน่อย พยายามอย่าทาซะจนสีปากเกินจริงนะคะ จากนั้นก็นำลิปกลอสสีใสทาทับตามได้เลยค่ะ<br />คราวนี้ เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนทุกอย่างแล้ว ให้ใช้แป้งฝุ่นแบบที่ใช้สำหรับเด็ก ทาบาง ๆ ลงบนใบหน้าอีกครั้ง (ย้ำว่าบาง ๆ เพื่อไม่ให้หน้าดูวอกนะคะ) เพื่อเป็นการจบทุกอย่าง และทำให้เครื่องสำอางติดทนนานขึ้นค่ะ คราวนี้ สาว ๆ วัยมหาวิทยาลัยก็สวยแบบเบา ๆ และเป็นธรรมชาติแล้วล่ะค่ะ<br /></span><br />story from Kapook.com<br /><br /><span style="font-size:130%;"></span>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-57666466062411573462011-11-28T18:13:00.001-08:002011-11-28T18:15:44.167-08:00โชว์การทำผมไปมหาลัย โดยหนูนา หนึ่งธิดา (Prompt Hair Style)<iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube-nocookie.com/embed/iV04CQ1SwlE?rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-31199178038705139462011-10-21T21:02:00.000-07:002011-10-22T04:53:11.583-07:00รวมประกาศ! เลื่อนสอบ - เลื่อนเปิดเทอม มหาวิทยาลัย<a href="http://1.bp.blogspot.com/-y4Km4-8L2GQ/TqKtvvMmK7I/AAAAAAAACF4/nm-eob5MauA/s1600/308396_289582874395043_100000299995739_1151037_818494767_n_1319002760.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 200px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-y4Km4-8L2GQ/TqKtvvMmK7I/AAAAAAAACF4/nm-eob5MauA/s200/308396_289582874395043_100000299995739_1151037_818494767_n_1319002760.jpg" border="0" alt="รูปน้ำท่วม ม.ธรรมศาสตร์"id="BLOGGER_PHOTO_ID_5666282316820261810" /></a><a href="http://2.bp.blogspot.com/--c8H9ItUDKM/TqKtvnCrVqI/AAAAAAAACFw/PNU8GPSK_30/s1600/306384_10150515000839097_831449096_11429640_1003485237_n_1319000920.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 149px; height: 200px;" src="http://2.bp.blogspot.com/--c8H9ItUDKM/TqKtvnCrVqI/AAAAAAAACFw/PNU8GPSK_30/s200/306384_10150515000839097_831449096_11429640_1003485237_n_1319000920.jpg" border="0" alt="รูปน้ำท่วมมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (มกท.)"id="BLOGGER_PHOTO_ID_5666282314631173794" /></a><br /><br /><span style="font-size:130%;color:#009900;"><span style="color:#ffcc00;">*มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (มกท.)</span> ประกาศเลื่อนเปิดเทอม ทั้งวิทยาเขตรังสิต และวิทยาเขตกล้วยน้ำไทย จากเดิมวันที่ 31 ต.ค. 54 เลื่อนเป็นวันที่ 28 พ.ย. 54 และประกาศปิดวิทยาเขตรังสิตจนถึงวันที่ 30 ต.ค. 54 และ ให้นักศึกษาที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน หรือ ยังไม่ได้ชำระเงินค่าลงทะเบียน ไปติดต่อดำเนินการด้วยตนเอง ที่ฝ่ายทะเบียน วิทยาเขตกล้วยน้ำไท ในวันที่ 27 ต.ค. 54 และ 1,2,3,7 พ.ย. 54 (กำหนดเดิม)<br /><br />สำหรับนักศึกษาที่ได้ลงทะเบียนล่วงหน้าแล้ว และจ่ายเงินแล้ว (Pre- Register) สามารถลงทะเบียนเพิ่มวิชา ทางระบบ On-Line ได้ ตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. 54 ส่วนนักศึกษาที่บ้านประสบภัยน้ำท่วม โปรดแจ้งขอผ่อนผันการลงทะเบียนที่ records_office@bu.ac.th ติดตามข้อมูลและสอบถามได้ที่ ฝ่ายทะเบียน 02-350-3500 ต่อ 1551,1552,1553 หรือ </span><a title="เลื่อนสอบ - เลื่อนเปิดเทอม มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (มกท.) " href="http://www.bu.ac.th/" target="_blank"><span style="font-size:130%;color:#009900;">http://www.bu.ac.th/</span></a><span style="font-size:130%;"><span style="color:#009900;"><br /><br /></span><span style="color:#ffcc00;">*มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.)</span> ประกาศเลื่อนวันเปิดเทอม จาก 31 ต.ค. 54 เป็นวันที่ 14 พ.ย. 2554 ส่วนการลงทะเบียน และการชำระค่าหน่วยกิต/ค่าธรรมเนียม ยังคงตามกำหนดเดิม เนื่องจากนิสิตสามารถลงทะเบียนได้ทางอินเทอร์เน็ต และชำระค่าหน่วยกิตและค่าธรรมเนียมผ่านธนาคาร ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ </span><a title="เลื่อนสอบ - เลื่อนเปิดเทอม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.)" href="http://www.registrar.ku.ac.th/" target="_blank"><span style="font-size:130%;">http://www.registrar.ku.ac.th/</span></a><span style="font-size:130%;"> นอกจากนี้ยังมีประกาศเลื่อนวันปิดเทอมจากวันที่ 12 มี.ค. 2555 เป็นวันที่ 19 มี.ค. 2555 อีกด้วย<br /><br /><span style="color:#ffcc00;">*จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย</span> เลื่อนเปิดเทอมออกไปอีกจาก 26 ต.ค. 54 เป็น 7 พ.ย. 54 นอกจากนั้น ยังสั่งยกเลิกงานวันลอยกระทง ในวันที่ 10 พ.ย. 54 และเลื่อนงานจุฬาฯ วิชาการ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 23-27 พ.ย. 54 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด นักศึกษาสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ </span><a title="เลื่อนสอบ - เลื่อนเปิดเทอม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" href="http://goo.gl/evcHn" target="_blank"><span style="font-size:130%;">http://goo.gl/evcHn</span></a><span style="font-size:130%;"><br /><br /><span style="color:#ffcc00;">*มหาวิทยาลัยมหิดล</span> ขยายเวลาการลงทะเบียนและชำระค่าธรรมเนียมการศึกษา ภาค 2/2554 ดังนี้ ช่วงลงทะเบียนปกติ ตั้งแต่วันที่ 3- 28 ต.ค. 2554 ขยายระยะเวลาปิดการลงทะเบียนวันที่ 29 ต.ค. - 6 พ.ย. 2554 และชำระค่าลงทะเบียนวันสุดท้าย วันที่ 30 พ.ย. 2554 สามารถดูรายละเอียดได้ที่ </span><a title="เลื่อนสอบ - เลื่อนเปิดเทอม มหาวิทยาลัยมหิดล" href="http://www.grad.mahidol.ac.th/grad/index.php" target="_blank"><span style="font-size:130%;">http://www.grad.mahidol.ac.th/grad/index.php</span></a><span style="font-size:130%;"><br /><br /><span style="color:#ffcc00;">*มหาวิทยาลัยรามคำแหง (มร.)</span> ประกาศเลื่อนสอบไล่ประจำภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2554 จากเดิมที่กำหนดสอบในช่วง ปลายเดือน ต.ค. 54 ให้เลื่อนไปเป็นวันที่ 14-15, 21-22 มกราคม 2555 แทน รวมถึงส่วนภูมิภาคของนักศึกษาปริญญาตรี 43 จังหวัดด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่ม โทร.0-2310-8611 หรือ </span><a title="เลื่อนสอบ - เลื่อนเปิดเทอม มหาวิทยาลัยรามคำแหง (มร.)" href="http://www.ru.ac.th/" target="_blank"><span style="font-size:130%;">http://www.ru.ac.th</span></a><span style="font-size:130%;"><br /><br /><span style="color:#ffcc00;">*สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)</span> ยังไม่มีประกาศเลื่อนเปิดเทอมอย่างเป็นทางการ ยังเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำเป็นระยะๆ ขณะนี้ยังใช้กำหนดการเดิม คือ นักศึกษาสามารถลงทะเบียนได้ในวันที่ 19-28 ต.ค. 54 และเปิดเทอมในวันที่ 31 ต.ค. 54 หากมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง<br /><br /><span style="color:#ffcc00;">*มหาวิทยาลัยศรีปทุม</span> ยังไม่มีประกาศเลื่อนเปิดเทอมอย่างเป็นทางการ กำลังดูสถานการณ์น้ำท่วม จะร่วมประชุมในวันศุกร์ที่ 21 ต.ค. นี้ และจะประกาศให้ทราบต่อไป ติดตามได้ที่ </span><a title="เลื่อนสอบ - เลื่อนเปิดเทอม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) " href="http://goo.gl/BWQUG" target="_blank"><span style="font-size:130%;">http://goo.gl/BWQUG</span></a><span style="font-size:130%;"><br /><br /><span style="color:#ffcc00;">*มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.)</span> ประกาศการเลื่อนเปิดภาคเรียนการศึกษาที่ 2/2554 โดยระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) เดิมเปิดวันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม 2554 เลื่อนเปิดวันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2554 และ ระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษา เดิมเปิดวันอังคารที่ 18 ตุลาคม 2554 เลื่อนเปิดวันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2554 สอบถามรายละเอียดได้ที่ กองบริการการศึกษา มจพ.โทรศัพท์. 0-2913-2500 ต่อ 1622-1635 และติดตามข่าวสารได้ที่ </span><a title="เลื่อนสอบ - เลื่อนเปิดเทอม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) " href="http://goo.gl/x4zRp" target="_blank"><span style="font-size:130%;">http://goo.gl/x4zRp</span></a><span style="font-size:130%;"><br /><br /><span style="color:#ffcc00;">*มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว)</span> ประกาศยืนยันเปิดเทอมตามกำหนดเดิม! คือวันที่ 31 ต.ค.2554 ในส่วนของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายประถม) โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) โรงเรียนประสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน และโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ส่วนขยาย) มศว องครักษ์ กำหนดเปิดเรียนในวันที่ 2 พ.ย. 2554 ตามเดิม หากมีข้อมูลเปลี่ยนแปลงทางมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง<br /><br /><span style="color:#ffcc00;">*มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช (มสธ.)</span> ประกาศเลื่อนกำหนดการสอบไล่ภาค 1/2554 ของนักศึกษาทุกระดับ และผู้เรียนโครงการสัมฤทธิบัตร รุ่นที่ 76 จากวันเสาร์ที่ 29 และวันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม 2554 เป็นวันเสาร์ที่ 10 และวันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม 2554 นอกจากนั้น ทาง มสธ.ยังงดจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการเรียนการสอนของนักศึกษาทุกระดับ งดการอบรมชุดประสบการณ์วิชาชีพ และการฝึกปฎิบัติเสริมทักษะชุดวิชาทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 13-25 ตุลาคม 2554 สอบถามรายละเอียดได้ที่ 02-504-7788<br /><br /><span style="color:#ffcc00;">*มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์</span> ประกาศปิดทำการ 2 วัน คือ วันที่ 20 และ 21 ตุลาคม 2554 และจะเปิดทำการตามปกติในวันอังคารที่ 25 ตุลาคม 2554 และเลื่อนการเปิดภาคเรียนที่ 2/2554 จากวันที่ 25 ตุลาคม 2554 เป็นวันที่ 31 ตุลาคม 2554 สอบถามรายละเอียดเพิ่มที่ 02954-7300 กด 0 หรือ 538 หรือ 722 สำหรับนักศึกษาที่มีกำหนดลงทะเบียนเรียนในช่วงเวลาดังกล่าว สามารถติดตามประกาศได้ที่ </span><a title="เลื่อนสอบ - เลื่อนเปิดเทอม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ " href="http://www.dpu.ac.th/" target="_blank"><span style="font-size:130%;">http://www.dpu.ac.th</span></a><span style="font-size:130%;"><br /><br /><span style="color:#ffcc00;">*มหาวิทยาลัยรังสิต</span> ประกาศเลื่อนการเปิดการเรียนการสอน จากวันที่ 25 ตุลาคม 2554 เป็นวันที่ 1 พฤศจิกายน 2554 โดยนักศึกษาสามารถติดตามรายละเอียดและข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ "RANGSIT UNIVERSITY,THAILAND" หรือ </span><a title="เลื่อนสอบ - เลื่อนเปิดเทอม มหาวิทยาลัย" href="http://www.rsu.ac.th/" target="_blank"><span style="font-size:130%;">http://www.rsu.ac.th</span></a><span style="font-size:130%;"><br /><br />*กสพท. ออกประกาศเลื่อนสอบตรงแพทย์-ทันตแพทย์ จากเดิมที่กำหนดสอบวิชาเฉพาะในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2554 เลื่อนไปเป็นวันที่ 25 ธันวาคม 2554 ทั้งนี้ ผู้สมัครสอบสามารถตรวจสนามสอบและพิมพ์บัตรประจำตัวผู้เข้าสอบใหม่หลังวันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 ต่อไป สามารถติดต่อสอบถามการสมัครสอบ กสพท.ปีการศึกษา 2555 ได้ที่หมายเลข 0-2419-6446, 0-2419-6463 เฉพาะวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 10.00-12.00 น. และเวลา 14.00-16.00 น. หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ กสพท. </span><a title="เลื่อนสอบ - เลื่อนเปิดเทอม มหาวิทยาลัยรังสิต " href="http://www9.si.mahidol.ac.th/" target="_blank"><span style="font-size:130%;">http://www9.si.mahidol.ac.th</span></a><span style="font-size:130%;"><br /><br /><span style="color:#ffcc00;">*มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี)</span> ประกาศเลื่อนการเปิดภาคเรียนไปเป็นวันที่ 14 พฤศจิกายน 2554 ติดตามเพิ่มเติมที่ </span><a title="เลื่อนสอบ - เลื่อนเปิดเทอม มหาวิทยาลัย" href="http://www.rmutt.ac.th/" target="_blank"><span style="font-size:130%;">http://www.rmutt.ac.th/</span></a><span style="font-size:130%;"> หรือ </span><a title="เลื่อนสอบ - เลื่อนเปิดเทอม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี)" href="http://twitter.com/pr_rmutt" target="_blank"><span style="font-size:130%;">http://twitter.com/pr_rmutt</span></a><span style="font-size:130%;"> โทร. 02-549-3613-15<br /><br /><span style="color:#ffcc00;">*มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC)</span> ประกาศเลื่อนเปิดเรียนในภาคการศึกษา 2/2554 จากวันที่ 25 ตุลาคม เป็น กำหนดเปิดวันที่ 31 ต.ค. 2554 โดยนักศึกษาสามารถเข้าถึงบริการ และติดตามข่าวสารของมหาวิทยาลัยได้ตามปกติ ที่เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย </span><a title="เลื่อนสอบ - เลื่อนเปิดเทอม มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC)" href="http://www.au.edu/" target="_blank"><span style="font-size:130%;">http://www.au.edu</span></a><span style="font-size:130%;"> รวมถึงบริการ E - Library ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง<br /><br />สำหรับการลงทะเบียนในปีการศึกษา 2/2254 สามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ถึงวันที่ 28 ต.ค. 2554 และชำระค่าลงทะเบียนได้ถึง 30 ต.ค. 54<br /><br /><span style="color:#ffcc00;">*มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.บางมด)</span> ประกาศเลื่อนเปิดภาคเรียน จากวันที่ 31 ต.ค. 2554 ไปเป็นวันที่ 14 พ.ย. 2554 โดยเปิดให้นักศึกษาลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. - 8 พ.ย. นี้ แต่สำหรับนักศึกษาที่ประสบภัยจากเหตุการณ์น้ำท่วมสามารถลงทะเบียนได้โดยไม่ต้องเสียค่าปรับการลงทะเบียนล่าช้า และอนุมัติให้ผ่อนผันการชำระค่าบำรุงการศึกษาและค่าธรรมเนียม ได้จนถึงวันที่ 30 พ.ย. 2554 หรือสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-4708000<br /><br /><span style="color:#ffcc00;">*มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.)</span> กำหนดวันเปิดภาคการศึกษา 2/2554 ตามปกติ ในวันที่ 31 ต.ค. 2554 โดยนักศึกษาภาคปกติสามารถลงทะเบียนเรียนและชำระเงินได้ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค. นี้ หรือติดตามรายละเอียดจากปฏิทินการศึกษาประจำปี 2554 ได้ที่ </span><a title="เลื่อนสอบ - เลื่อนเปิดเทอม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) " href="http://goo.gl/TWwBP" target="_blank"><span style="font-size:130%;">http://goo.gl/TWwBP</span></a><span style="font-size:130%;"><br /><br />ส่วน <span style="color:#ffcc00;">*มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.)</span> ได้เปิดเรียนในภาคการศึกษา 2/2554 ตามปกติแล้ว ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา นักศึกษาสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ </span><a title="เลื่อนสอบ - เลื่อนเปิดเทอม มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.)" href="http://reg.kku.ac.th/" target="_blank"><span style="font-size:130%;">http://reg.kku.ac.th</span></a><span style="font-size:130%;"><br /><br /></span>Update on 21 Oct 2011 : 16.35 pm<br />from : manager onlineUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-19443485495600772011-10-19T07:37:00.000-07:002011-10-19T08:01:57.267-07:00เปลี่ยนเวลาเปิด-ปิด มหาวิทยาลัยไม่สอดคล้องไทย<span style="font-size:130%;"><span style="color:#009900;"><span style="color:#ffcc00;">ปรับปฏิทินการศึกษาตามอาเซียน จะเกิดผลกระทบมากกว่าได้ประโยชน์ ชี้หากย้ายเปิดเทอม 1 ไปก.ย.-ธ.ค.อาจเจอน้ำท่วม เด็กไปเรียนไม่ได้ ส่วนเทอม 2 ย้ายไปเปิด ม.ค.-พ.ค.คร่อมหน้าร้อน เด็กอาจไม่อยากไปเรียน แนะ ทปอ.ไปศึกษาผลกระทบหรือสำรวจความเห็นให้ดีก่อนเสนอมาใหม่ “ประสาท” รับหากเลื่อนแล้วไม่เกิดประโยชน์จริง แค่ปรับใกล้เคียงก็พอ </span></span><br /></span><span style="color:#009900;"><span style="color:#ffcc00;"><br /></span><span style="font-size:130%;color:#009900;">นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา (ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ย้ำมติที่จะให้มีการปรับเลื่อนปฏิทินการศึกษาไทยให้ตรงกับปฏิทินการศึกษาอาเซียน จากเดิมที่มีการเปิดภาคเรียนที่ 1 ในช่วงเดือน มิ.ย.-ต.ค. ภาคเรียนที่ 2 ช่วงเดือน พ.ย.-มี.ค.เปลี่ยนเป็นการเปิดภาคเรียนที่ 1 ในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค. ภาคเรียน 2 ช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค.นั้นว่า ตนมีข้อสังเกตว่าการเปิด-ปิดภาคเรียนนั้น แต่เดิมจะหลบอยู่ 2 ช่วง คือ ช่วงฤดูร้อน กับฤดูฝน ซึ่งจากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นเวลานี้ ก็สะท้อนให้เห็นว่าหากเปิดเทอมในช่วงฤดูฝน การเดินทางยากลำบากมาก และก็มีแนวโน้มว่าอาจมีปัญหาน้ำท่วมอย่างนี้ทุกปี ซึ่งหากย้อนกลับมาดูปฏิทินที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ที่เปิดเทอม 1 ระหว่างเดือน มิ.ย.-ต.ค. ถือว่าเป็นการหลบหน้าน้ำแล้ว แต่ถ้าหากปรับปฏิทินมาเป็นเปิดเทอมระหว่างเดือน ก.ย.-ธ.ค. ช่วงนี้จะเจอน้ำเต็มๆ<br /></span></span><br /><span style="font-size:130%;"><span style="color:#009900;">นอกจากนี้ การเปิดเทอม 2 ที่ปัจจุบันเปิดระหว่างเดือน พ.ย.-มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาวอยู่แล้ว และไม่กระทบกับฤดูร้อน แต่หากมีการปรับปฏิทินใหม่ตามอาเซียน ให้ไปเปิดเทอมระหว่างเดือน ม.ค.-พ.ค. อาจจะไปคร่อมกับฤดูร้อน อาจทำให้เด็กไม่อยากมาเรียน ส่งผลผลกระทบต่อการจัดการศึกษาอุดมศึกษา และการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ ดังนั้น ตนจึงอยากให้ ทปอ.ไปศึกษาผลกระทบและสำรวจความคิดเห็นให้รอบด้านก่อน เพราะหากจะมีมติอะไรออกไปก็ต้องมีคนที่เห็นด้วย และต้องไม่กระทบต่อการเรียนการสอนมากนัก<br /><br />“หากมหาวิทยาลัยจะเลื่อนปฏิทินการศึกษาส่วนอื่นก็จะต้องปรับตัวตามด้วย แต่เบื้องต้นก็ต้องดูความชัดเจนว่า หากเราปรับตามเขาเราจะมีประโยชน์อะไร เพราะเรามีปัญหาว่าหากจัดการเรียนการสอนในฤดูน้ำหลากแล้ว ก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไรกับนักเรียนเลย และก็คงจะไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตกับคนไทยสักเท่าไหร่ ดังนั้น ก่อนที่ ทปอ.จะมีมติก็ต้องรับฟังความเห็นก่อน ซึ่งหากคนส่วนใหญ่เห็นด้วยผมก็จะไม่ขัดข้อง” รมว.ศธ.กล่าว<br /><br />ด้าน ศ.ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ในฐานประธาน ทปอ. กล่าวว่า ในเร็วๆ นี้ ทปอ.เตรียมจะศึกษาอย่างละเอียดกรณีการปรับเลื่อนปฏิทินดังกล่าว เพราะต้องการจะดูว่าหากเลื่อนแล้วจะส่งผลกระทบอะไรต่อการเรียนการสอนหรือไม่ ซึ่งอย่างที่หลายฝ่ายให้ความเป็นห่วงว่า การเลื่อนไปตรงกับช่วงฤดูฝนและฤดูร้อนจะไม่เกิดประโยชน์กับเด็กนั้น ประเด็นนี้เราก็จะนำไปศึกษาให้ละเอียดด้วย อย่างไรก็ตาม ทปอ.ก็ยังไม่ได้ยืนยันปฏิทินที่ตายตัวว่าจะต้องเลื่อนให้ตรงกับอาเซียนทั้งหมด เพราะหากศึกษาแล้วพบว่าการเลื่อนดังกล่าวสร้างผลกระทบมากกว่าประโยชน์นั้น ก็อาจจะเลื่อนให้ใกล้เคียงอาเซียนก็พอ.<br /><br /></span>from : thaipost.net</span>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-83627461212824420152011-10-19T03:21:00.001-07:002011-10-19T03:40:54.519-07:00ฉันท้อง...เสียตัว เสียอนาคต เพราะไอ้คนชั่ว "ข่มขืน"<a href="http://2.bp.blogspot.com/--67Mxn3Gnvg/Tp6ktUG06PI/AAAAAAAACFI/3Beq5xZKPXA/s1600/2_733.jpg"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 200px; FLOAT: left; HEIGHT: 200px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5665146479677073650" border="0" alt="ฉันท้อง...เสียตัว เสียอนาคต เพราะไอ้คนชั่ว ข่มขืน นักศึกษา" src="http://2.bp.blogspot.com/--67Mxn3Gnvg/Tp6ktUG06PI/AAAAAAAACFI/3Beq5xZKPXA/s200/2_733.jpg" /></a><br /><span style="font-size:130%;color:#ffff00;">มีสองขีดปรากฏชัดขึ้นมาบนแผ่นทดสอบ ฉันร้องไห้โฮ อยากตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด เป็นไปได้อย่างไรที่ฉันท้อง ฉันถูกไอ้คนใจชั่วข่มขืนแค่ครั้งเดียวเท่านั้น<br /><br /></span><span style="font-size:130%;color:#3333ff;"><span style="color:#009900;">วันที่พ่อด่าทออย่างรุนแรงและไล่ฉันออกจากบ้าน เพื่อนคนหนึ่งพาฉันเข้ากรุงเทพฯ เพื่อฝากทำงานในร้านขายอาหารย่าฝั่งธนฯ ฉันมีหน้าที่เสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มให้ลูกค้า<br /><br />สี่วันแรกทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น ฉันเริ่มทำงานได้คล่องแคล่วมากขึ้น แต่ใจก็ยังอยากกลับบ้าน คิดถึงแม่ และหายโกรธพ่อแล้ว อยากรู้ว่าถ้ากลับไปบ้าน พ่อจะยังโกรธจะไล่ฉันอีกไหม<br /><br />วันที่ห้าของการทำงาน อยู่ลูกค้าคนหนึ่งก็ถามขึ้นมาว่าคืนนี้ไปนอนกับเขาได้ไหม เขากระเป๋าหนักนะ ฉันสั่นหน้าด้วยความตกใจ ไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง รีบกลับเข้าหลังร้าน สักพักเฮียเจ้าของร้านเดินเข้ามาตาม เขาบอกให้ฉันไปกับลูกค้า ห้ามปฏิเสธ เด็กเสิร์ฟทุกคนต้องทำงานนี้ทั้งนั้น<br /><br />ฉันไม่ยอม เฮียไม่ได้บอกฉันก่อน และถ้าฉันรู้ฉันจะไม่ทำงานร้านนี้อย่างแน่นอน<br /><br />“หนูออกก็ได้”<br /><br />ฉันโพล่งออกไปเพราะหัวเด็ดตีนขาดฉันก็จะไม่ทำอย่างนี้<br /><br />“ใจเย็นๆ จิบเบียร์เย็นๆ แล้วคุยกันไปเรื่อยๆ เรื่องทุกเรื่องตกลงกันได้” เฮียพูด<br /><br />ฉันเคยลองกินเบียร์กับเพื่อนๆ ไม่ค่อยชอบเพราะมันขมมากกว่าอร่อย แต่ก็ยกแก้วขึ้นจิบด้วยความเกรงใจ เฮียชวนคุย ถามเรื่องทางบ้าน เรื่องโน้นเรื่องนี้<br /><br />เวลาผ่านไปแค่เดี๋ยวเดียวฉันเริ่มรู้สึกง่วงนอนอย่างรุนแรงเสียงเฮียบอกว่าง่วงก็ไปนอนก่อนแล้วกัน จะเดินไปส่งห้องพักซึ่งอยู่หลังร้าน<br /><br />ฉันก้าวเข้าไปในห้องพัก เฮียเดินตามมาประชิดตัว แล้วหัวฉันก็หมุนติ้ว มองอะไรไม่เห็น สติดับวูบ พอเริ่มรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาเฮียนั่งอยู่ปลายเตียง<br /><br />เขาบอกว่าเพิ่งรู้ว่าฉันยังบริสุทธิ์อยู่ ขอโทษที่ทำลายฉัน ขอรับผิดชอบทุกอย่าง แล้วเขาก็ลุกขึ้น บอกว่าเดี๋ยวจะกลับเข้ามา ฉันฉุกคิดขึ้นในใจ ถ้าเขากลับมาพร้อมคนอื่นๆ อีกล่ะ ฉันกำลังจะถูกรุมโทรมหรือเปล่า เรื่องราวที่เคยอ่านในหนังสือพิมพ์แว่บเข้ามาในหัว<br /><br />สติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ฉันรีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าแล้วเดินเลาะออกไปทางหลังร้าน มอเตอร์ไซด์รับจ้างวิ่งผ่านมา ฉันรีบเรียกให้ไปส่งหน้าปากซอย ฉันโทรไปหาลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกัน เขาย้ายมาอยู่กรุงเทพนานแล้ว แต่บ้านอยู่ไกลเกือบถึงพระประแดง เขาบอกทางให้ฉันขึ้นรถเมล์ไปหา<br /><br />ฉันอยู่กับเขาได้เกือบเดือน ก็เดินทางกลับบ้านเพราะญาติส่งข่าวมาว่าพ่อหายโกรธแล้ว ฉันกลับไปเรียนหนังสือต่อ เพราะปิดเทอมพอดี ทุกเย็นพอเลิกเรียนก็ไปเรียนพิเศษต่อเหมือนเดิม<br /><br />ชีวิตกลับเข้าสู่ความปกติอีกครั้ง มีเพียงลูกพี่ลูกน้องที่กรุงเทพคนเดียวเท่านั้นที่ฉันเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันบ้าง เราสัญญากันว่าจะเก็บเป็นความลับ เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป<br /><br />ฉันกลับบ้านได้เกือบสองเดือน เพิ่งสังเกตว่าเมนส์ไม่มานานแล้ว พยายามนึกทบทวนถึงครั้งสุดท้ายที่เมนส์มา น่าจะสองสามเดือนมาแล้ว หรือว่าฉันจะท้อง<br /><br />ฉันก้มลงมองขีดสองขีดบนแผ่นทดสอบอีกครั้ง ความคิดหมุนติ้ว ถ้าฉันเข้ากรุงเทพไปบอกเฮีย เขาจะยอมรับหรือเปล่าว่าเป็นลูกของเขา เขาจะเชื่อหรือว่าฉันไม่มีแฟน ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับใคร แล้วฉันจะต้องออกจากโรงเรียน หมดอนาคตไปเลยหรือเปล่า<br /><br />น้ำตาเริ่มไหล ฉันตั้งใจจะเรียนให้สูง พ่อแม่ก็ตั้งใจอย่างนั้น เพราะเขาเหลือลูกพียงคนเดียว พี่ชายสองคนตายจากไปเพราะรถชนกันเมื่อปีที่แล้ว พ่อแม่ตั้งใจทุ่มเทให้ฉันเต็มที่ ฉันจะทำอย่างไรดี ตอนนี้ฉันท้องสามเดือนแล้วใช่ไหม สารพัดคำถามวิ่งวนอยู่ในหัว<br /><br />หลายวันต่อมา ฉันตัดสินใจเด็ดขาดว่าต้องเอาออก ต้องหยุดการท้องนี้ให้ได้ ฉันไปที่ร้านขายยาที่เคยซื้อแผ่นทดสอบ ดูเหมือนไม่ต้องพูดอะไรมากคนขายก็จัดยามาให้เป็นชุด เขาบอกให้กินจนหมดทั้ง 6 เม็ด ถ้ายังไม่ออกให้กลับมาหาใหม่<br /><br />ฉันกินยาทุกอย่างตามที่ร้านขายยาแนะนำ เริ่มตั้งแต่ยาอะไรไม่รู้จำนวน 6 เม็ด ต่อด้วยยาสตรีกับเหล้าขาวอีกหนึ่งอาทิตย์ ตามด้วยยาแผงละ 100 บาทที่มีแผงละ 10 เม็ดอีก 1 แผง ก็ยังไม่ออก<br /><br />ในที่สุดฉันตัดสินใจเล่าเรื่องให้อาจารย์คนหนึ่งที่สนิทกันฟังตอนแรกอาจารย์อยากให้ไปแจ้งความ จะได้ไปขอให้หมอที่โรงพยาบาลทำแท้งให้ได้ แต่ฉันไม่กล้า ฉันไม่อยากให้ใครมารู้ว่าฉันโดนข่มขืนในที่สุดอาจารย์รับปากว่าจะคิดหาทางช่วยเหลือแต่ยังอยากให้ฉันลองคุยกับแม่ ฉันยังไม่กล้าอยู่ดี<br /><br />เพื่อนในกลุ่มก็พยายามหาทางช่วย ครั้งหนึ่งเพื่อให้ไปยืนบนสะพานสูงซัก 10 เมตรเห็นจะได้ แล้วถีบฉันตกน้ำ บางครั้งก็ให้ซ้อนมอเตอร์ไซด์แล้วพาไปทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อ อีกคนแนะนำให้สูบบุหรี่จากที่ไม่เคยสูบ กลายเป็นคนสูบได้คล่อง แต่สูบไปเป็นสิบๆ ซองก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น<br /><br />หลังจากนั้นอาจารย์ให้เงินมาสี่พันบาท ฉันเอาเงินเก็บของตัวเองมาสมทบอีกสองพันรวมเป็นหกพันบาท เพื่อเดินทางไปอีกอำเภอหนึ่งที่เพื่อนไปสืบมาว่ามีบ้านที่รับทำแท้ง<br /><br />คืนนั้นฉันนอนร้องไห้ ในใจหนึ่งรู้สึกสงสารเด็กเพราะเริ่มดิ้นแล้ว ใจหนึ่งก็กลังไปตาย ยังไม่ได้คุยกับแม่ แล้วถ้าตายไปพ่อแม่จะทำอย่างไร เขาจะไม่เหลือลูกไว้ดูแลยามแก่เฒ่าเลย อีกใจหนึ่งก็รู้สึกฮึดว่าต้องรอด ต้องได้กลับมาเรียนจนจบพร้อมเพื่อนๆ ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจว่าต้องเสี่ยง ตายเป็นตาย ยังไงก็ต้องลองดู<br /><br />ราวกับอยู่ในฉากหนังไทยสมัยก่อน บ้านนั้นเป็นบ้านไม้โทรมๆ มียายแก่ๆ นั่งอยู่ในบ้าน แกถามว่ากี่เดือนแล้ว ฉันบอกจะหกเดือนแล้ว แกบอกสบายมาก แปดเดือนยังเคยช่วยมาแล้ว<br /><br />ยายให้ฉันเปลี่ยนไปใส่ผ้าถุง นอนบนเสื่อเก่าๆ ชันขาขึ้น แล้วแกก็ใช้มือล้วงเข้าไปในช่องคลอด ถุงมือก็ไม่ได้ใส่ แต่ตอนนั้นฉันไม่นึกถึงความสะอาดหรือสกปรกอะไรทั้งสิ้นทั้งปวง ยายบอกว่าจะใส่สายยางเข้าไปในมดลูก และฉีดน้ำยาอะไรสักอย่าง<br /><br />แต่เวลาก็ผ่านไปถึงสี่ชั่วโมง โดยยังไม่สามารถสอดสายยางเข้าไปได้ ฉันเริ่มเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดเวลามีเลือดไหลไม่หยุด ยายให้เพื่อนฉันคอยหั่นมะนาวจิ้มเกลือให้ฉันกินทั้งเปลือก<br /><br />ในที่สุดก็บอกว่าสายยางเข้าไปได้แล้ว แกเริ่มฉีดน้ำยากลิ่นเหม็นอย่างกับยาฉีดศพ ฉันเริ่มรู้สึกร้อนภายในท้อง ยายบอกว่าให้ลุกขึ้นได้ ใส่ผ้าอนามัยเอาไว้กันเลือดและน้ำยาไหลออกมาเลอะเทอะ หลังจากนี้จะแท้งเอง แต่ถ้ายังไม่แท้งให้กลับมาจะรับผิดชอบทำต่อให้<br /><br />ฉันอ่อนเปลี้ยไปหมดทั้งร่างกายและจิตใจ พยายามไม่คิดอะไรมาก มุ่งอยู่อย่างเดียวว่าต้องแก้ปัญหาให้ได้ คืนนั้นฉันไม่กลัวกลับบ้านไปนอนที่บ้านเพื่อน<br /><br />วันรุ่งขึ้นมีเลือดออกมาจากช่องคลอดเต็มไปหมด กลิ่นเหม็นเหมือนกลิ่นน้ำหนอง ฉันกลัวแทบขาดใจรีบไปที่โรงพยาบาล พอหมดมาดูปุ๊บก็ด่าฉันเสียใหญ่โต ฉันยอมรับกับหมดว่าไปทำแท้งมา อ้อนวอนให้ช่วยฉันที ในที่สุดหมอก็ยอมฉีดยาให้<br /><br />ฉันต้องฉีดยาทุก 4 ชั่วโมง วันรุ่งขึ้นเขาพาฉันไปอัลตราซาวน์ปรากฏว่าเด็กยังอยู่ปกติดีทุกอย่าง หมอบอกว่าเหมือนปิดประตูฉีดน้ำไม่เข้าในมดลูกเลย แต่เข้าไปในช่องท้อง ทำลายอวัยวะทุกส่วน ถ้ามาช้ากว่านี้จะตกเลือดจนช็อคตายได้เลย หมอบอก<br /><br />ฉันนอนอยู่โรงพยาบาลรวมสามคืน ไม่มีใครมาเฝ้า แม่รู้แล้วเพราะให้ลูกพี่ลูกน้องไปบอก แต่แม่คงไม่กล้ามาเพราะกลัวพ่อจะรู้เป็นช่วงเวลาที่ใจมันช้ำที่สุด เห็นคนไข้คนอื่นมีญาติมาดูแล พยาบาลก็พูดจาดีๆ ด้วย ส่วนฉันพยาบาลแทบจะไม่มาจับต้องตัวเลย<br /><br />พอออกจากโรงพยาบาล ฉันกลับเข้าบ้าน ใส่สเตย์รัดท้องเอาไว้ บอกพ่อว่าจะเข้ากรุงเทพมาหาญาติ พ่ออนุญาต<br /><br />“กลับมาคนเดียวนะ” แม่กระซิบบอกกำชับ<br /><br />จากนั้นเพื่อนคนหนึ่งก็พาเข้ากรุงเทพ ตามคำแนะนำของอาจารย์ที่อ่านเจอในนิตยสารว่ามีบ้านพักฉุกเฉินอยู่ที่ดอนเมือง ตอนนี้ฉันยังพักอยู่ที่บ้านพักนี้ ยังไม่แน่ใจนักว่าจะยกเด็กหรือจะเลี้ยงเอง ช่วงแรกๆ ที่รู้ว่าท้อง ฉันเคยดุด่า ไล่ให้เขาออกไปจากท้องฉัน เคยทุบ เคยตี จนตัวเองเจ็บ แต่หลังๆ มานี่ ฉันเริ่มสงสารพูดจาดีๆ กับเขา ยังไงก็อุ้มเขามาเจ็ดแปดเดือนแล้ว<br /><br />ฉันนึกย้อนกลับไปดูปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันไม่น่าเชื่อเลยว่าฉันจะมีชะตาชีวิตาอย่างนี้ ฉันไม่เคยเที่ยวเตร่ออกนอกลู่นอกทาง ไม่เคยคบเพื่อนชาย เป็นเด็กเรียน ช่วยอาจารย์ทำกิจกรรมมาตลอด<br /><br />มาทบทวนดูจริงๆ แล้วสิ่งที่ทำให้ฉันตัดสินใจทำแท้งมันมาจากสองอย่าง อันดับแรกเลยฉันกลัวพ่อแม่อับอายขายขี้หน้าชาวบ้าน<br /><br />อย่างที่สองก็คืออนาคตของฉันเอง ถ้าเก็บเด็กไว้ ฉันก็ต้องหยุดเรียน เพื่อนๆ เรียนกันจบ แต่ฉันกลับเรียนไม่จบ จะกลายเป็นตัวประหลาดที่ถูกชาวบ้านจับตามองและซุบซิบนินทา<br /></span><br /></span>หาอ่านได้จาก : หนังสือ “มีเรื่องอยากเล่าให้ฟัง เสียงจากผู้หญิงที่ตั้งท้องเมื่อไม่พร้อม”<br />ที่มา : มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิงUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-79878551956820174492011-02-22T17:25:00.000-08:002011-02-22T17:34:14.249-08:00เต็มที่แบบ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” กับจังหวะชีวิต 2 ภาควินาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักหนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น อย่าง "ณเดชน์ คูกิมิยะ" ดาราดาวรุ่งหน้าใหม่ ที่พกความหล่อเหลาบาดใจสาวๆ บวกความขี้เล่น ติดดิน ซ้ำเจ้าตัวยังเปิดเผยตลอดว่าเป็นคนพื้นเพภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แถม "เว้าอีสาน" ทุกครั้งที่มีโอกาส มิหนำซ้ำกระแสละครหลังข่าวก็ดังเปรี้ยงๆ เล่นเอานิตยสารหลายสิบปกจองตัวกันให้ควั่ก ไม่ดังตอนนี้แล้วจะไปดังตอนไหน! <br /> <br /> แต่ที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ คือหนุ่มน้อยหน้าใสนิสัยดีคนนี้ นอกจากจะต้องทำหน้าที่เป็นนักแสดงและนายแบบแล้ว เขายังต้องมุมานะในบทบาท "เฟรชชี่" ของสาขาภาพยนตร์และวิดีทัศน์ คณะนิเทศศาสตร์ ม.รังสิต อีกด้วย<br /> <br /> ...กว่าจะมีผลงานทั้งหลายออกมาให้แฟนๆ ชื่นชมและยังต้องเรียนไปด้วย จะโหด มันส์ ฮา แค่ไหน ตามมาดูกันเลย! <br /><a href="http://3.bp.blogspot.com/-sUfwe3FPkwU/TWRiZ2pZlII/AAAAAAAABb4/LUYxo4ydOHg/s1600/nadej1.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 133px; height: 200px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-sUfwe3FPkwU/TWRiZ2pZlII/AAAAAAAABb4/LUYxo4ydOHg/s200/nadej1.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5576690434896925826" /></a><br /> <br /> <br /> ณเดชน์ คูกิมิยะ หรือชื่อที่คนในครอบครัวเรียกว่า “แบร์รี่” เปิดประเด็นสนทนาด้วยการบอกเหตุผลของการเลือกเรียนในสาขาดังกล่าวว่า เป็นเพราะชื่นชอบการทำงานเบื้องหลัง และการทำภาพยนตร์สั้นมาตั้งแต่ชั้นมัธยมปลายแล้ว เมื่อได้เข้ามาศึกษาต่อ จึงอยากต่อยอดความรู้เกี่ยวกับการทำภาพยนตร์ให้มากขึ้น<br /> <br /> "มันเป็นเหมือนการต่อยอดด้วยเพราะผมก็ทำงานในวงการ ต่อมาก็เริ่มสนใจเรื่องการถ่ายภาพด้วยเพราะการเรียนนิเทศฯ ต้องมีกล้อง ต้องใช้เรียนในวิชาการถ่ายภาพเบื้องต้น แล้ว ปี 2 ปี 3 อาจจะต้องถ่ายหนัง ทำหนังสั้น ก็จะต้องใช้กล้องวิดีโอ โดยส่วนตัวแล้วผมชอบถ่ายรูป ฝึกถ่ายรูปมาเรื่อยๆ มีวิชานอกสาขาที่ได้เรียนเกี่ยวกับการถ่ายภาพนิ่ง อาจารย์ก็พาไปถ่ายรูปตามสถานที่ต่างๆ เช่น อยุธยา ก็เหมือนกับเป็นการฝึกถ่ายรูปไปด้วย ก็รู้สึกสนใจครับ"<br /><a href="http://1.bp.blogspot.com/-lmBsdevMvsw/TWRiwmyUiAI/AAAAAAAABcA/j1DQtq4SA5A/s1600/nadej2.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 164px; height: 200px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-lmBsdevMvsw/TWRiwmyUiAI/AAAAAAAABcA/j1DQtq4SA5A/s200/nadej2.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5576690825776367618" /></a> <br /> <br /> ดาราดาวรุ่งดวงใหม่รายนี้เล่าต่อว่า การได้ฝึกถ่ายภาพและหาความรู้ด้านนี้อยู่เสมอ มุมมองของภาพเคลื่อนไหวกับภาพนิ่งอาจมีลักษณะในรายละเอียดบางอย่างที่คล้ายๆกัน มีอะไรหลายๆอย่างที่นำมาศึกษาได้ ทำให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับมุมกล้องและการสื่อความหมายของภาพ โดยเฉพาะการได้เข้าฟังความรู้เรื่องภาพถ่ายท่องเที่ยว ก็ทำให้ได้มุมมองเรื่องการถ่ายภาพมากขึ้น<br /> <br /> "ก็ได้เรียนรู้ว่าการถ่ายภาพก็ขึ้นอยู่กับจินตนาการ แล้วก็ความคิดของบุคคลนั้นว่าเขาต้องการจะสื่อภาพออกมาในลักษณะแบบใด และต้องการสื่อให้กับใครดู สำหรับความเป็นจริงของภาพท่องเที่ยว มันก็เป็นความจริงทุกภาพของช่างภาพที่เอามานำเสนอ เขามีความเป็นจริงของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า คนที่มองอาจจะมองไม่เห็นในมุมเดียวกันกับที่เขาสื่อออกมา คือถ้ามันออกมาจริงและสวยด้วยมันก็ดี ดูแล้วก็เกิดความอยากไป"<br /><a href="http://3.bp.blogspot.com/-yFiOnw1DfVU/TWRjOZsTm6I/AAAAAAAABcI/sTqsYGqkGjA/s1600/nadej3.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 133px; height: 200px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-yFiOnw1DfVU/TWRjOZsTm6I/AAAAAAAABcI/sTqsYGqkGjA/s200/nadej3.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5576691337657555874" /></a> <br /> นอกจากนี้ หนุ่มลูกครึ่งเล่าต่อไปว่า หากมีโอกาสได้เป็นผู้กำกับ จะดีใจมาก เพราะถือเป็นความใฝ่ฝันอย่างหนึ่งที่อยากทำมาตลอด หากมีโอกาสก็ตั้งใจจะเรียนสาขานี้ไปเรื่อยๆ พร้อมๆกับการทำงานในวงการ<br /> <br /> "ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะมีความสามารถขนาดนั้นหรือเปล่า ก็มีอีกตั้งหลายปีที่จะวัดความสามารถของเรา เพราะเพิ่งเรียนชั้นปีที่ 1 เผลอๆอาจจะเรียนไม่ได้อาจจะย้ายสาขาก็ได้ วันหนึ่งอาจปลีกตัวไปทำอย่างอื่นหรืออาจทำงานวงการบันเทิงไปชั่วชีวิตเลยก็ได้ แต่ผมก็มองอีกมุมหนึ่งว่า ผมก็อยู่ในฐานะที่เป็นนักศึกษาอยู่ ตัวงานในวงการมันก็ไม่ได้สำคัญมากกว่าการเรียนในตอนนี้ แต่ว่ามันเป็นโอกาสๆหนึ่งที่ทำให้ผมและครอบครัวมีรายได้ ผมมีเงินเก็บ ได้เจอสังคมที่คนอื่นไม่ได้เจอในขณะที่ยืนอยู่ในฐานะนักศึกษาเหมือนผม" <br /><a href="http://1.bp.blogspot.com/-o-aklFyB-XU/TWRjhGUSvuI/AAAAAAAABcQ/L_KHD_ty1wo/s1600/nadej4.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 134px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-o-aklFyB-XU/TWRjhGUSvuI/AAAAAAAABcQ/L_KHD_ty1wo/s200/nadej4.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5576691658874076898" /></a><br /> <br /> ณเดชน์ให้ทัศนะเกี่ยวกับการเรียนและการทำงานควบคู่กันว่า การทำ 2 อย่างพร้อมๆ กัน ย่อมมีอุปสรรคแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องเวลาที่เขาจำเป็นจะต้องบริหารจัดการให้ดี เพื่อที่จะสามารถทำทั้งสองอย่างไปพร้อมๆกันได้แม้ว่าจะเหนื่อยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถและความมุ่งมั่นตั้งใจ<br /> <br /> "ผมเรียน 3 วัน พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ พุธไม่รับงาน พฤหัสบดี-ศุกร์ รับบ่ายเพราะเรียนเช้า ถ้าวันไหนว่างก็โชคดีไป ถ้าวันไหนมีงานก็ไปทำงาน ถ้าถามว่าเหนื่อยมากถึงขนาดไม่ไหวมั้ย มันก็ไม่ใช่ เรายังพอทำได้อยู่ มันก็เหนื่อยครับแต่ว่าเวลาแม่เห็นเราได้รับรางวัล เห็นผลงานเราตามนิตยสารต่างๆ แม่ก็จะชม จะดีใจ รู้สึกปลื้มในสิ่งที่เราทำ มันทำให้เรารู้สึก เฮ้ย! เราต้องทำได้และทำให้ดีกว่านี้ขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งแม่ก็บอกว่า เรียนก็เรียนแต่อย่าไปเครียด ทำงานก็ทำงานแต่อย่าไปเครียด บางคนบอกว่าจับปลา 2 มือมันยาก เผลอๆ จับไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ความจริงเราอาจจะจับได้นะ แต่เราจะจับยังไง ใช้วิธีไหนจับมากกว่า ก็เหมือนกับว่าตอนนี้ผมเรียนกับทำงาน ผมจะทำยังไงเพื่อที่จะประคอง 2 อย่างนี้ ให้มันได้ตลอดรอดฝั่ง"<br /><a href="http://4.bp.blogspot.com/-l1iv2lVPnck/TWRjxn2ziBI/AAAAAAAABcY/4-RRrDne-m0/s1600/nadej5.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 134px; height: 200px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-l1iv2lVPnck/TWRjxn2ziBI/AAAAAAAABcY/4-RRrDne-m0/s200/nadej5.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5576691942755108882" /></a><br /> <br /> ณเดชน์ยังเล่าชีวิตนักศึกษาที่ต้องทำงานคู่กันไปด้วยว่า การเรียนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หากเราทิ้งการเรียน เพื่อหันเข้าหาวงการบันเทิงอย่างเต็มตัว ก็อาจเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป หากวันหนึ่งไม่สามารถอยู่ในวงการได้ ก็กลายเป็นคนไม่มีความรู้ ไม่มีการศึกษา และที่สำคัญต้องเชื่อฟังคำสอนของพ่อแม่ แม้ว่าวัยรุ่นบางคนจะไม่ชอบ หรือเบื่อที่จะฟัง แต่สำหรับเขากลับมองว่าคำสอนเหล่านั้นเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด<br /> <br /> "ตอนนี้การเรียนก็สำคัญกว่า สมมติผมเลือกที่จะทำงานในวงการแล้วไม่เรียน แล้ววันหนึ่งผมไม่ได้ทำงานตรงนั้นแล้ว ก็กลายเป็นคนไม่มีการศึกษา มันดูต่ำต้อยนะในความรู้สึกส่วนตัวของผม คือ ครอบครัวเราตั้งความหวังว่าให้เราเรียนให้จบมหาวิทยาลัย พ่อผมบอกเสมอว่าไม่ต้องต่อโท ต่ออะไรหรอก จบ ป.ตรีแล้วก็ทำงานเอาประสบการณ์ดีกว่า ก็พ่อแม่บอกอะไรเราก็ฟัง อันไหนเราไม่เห็นด้วยเราก็คุยกันได้ ซึ่งส่วนมากคำพูดของผู้ใหญ่เป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอ พ่อแม่เคยผ่านชีวิตวัยรุ่นวัยเรียนมาก่อน เขาก็จะบอกเราได้ ถ้าน้องๆเพื่อนๆที่อยากเข้าวงการบันเทิง ควรให้พร้อมก่อน พร้อมเรื่องเวลาไหม ความรับผิดชอบคุณพร้อมไหม คุณดูแลตัวเองได้ไหม ครอบครัวคุณพร้อมไหม มันหลายๆอย่าง เอาเป็นว่าก็ตั้งใจเรียนก่อน และเชื่อฟังพ่อแม่ครับ" ณเดชน์ทิ้งท้าย<br /><br />โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-35533022746758759222011-02-16T16:34:00.001-08:002011-02-16T16:38:14.744-08:00สาวหล่อหน้าหวาน นัน สุนันทา ยูรนิยม<a href="http://2.bp.blogspot.com/-NJu3N-A_elU/TVxtOHvjD_I/AAAAAAAABbI/-aHTqeJmmzc/s1600/01_23.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 150px; height: 200px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-NJu3N-A_elU/TVxtOHvjD_I/AAAAAAAABbI/-aHTqeJmmzc/s200/01_23.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5574450528141905906" /></a><br />คงจะคุ้นหน้าคุ้นตากันมาบ้างสำหรับ นัน สุนันทา ยูรนิยม ที่เคยวาดลวดลายการแสดงไว้ในละครหลายเรื่อง ทางช่อง 7 สี ซึ่งตอนนี้ นัน สุนันทา ยูรนิยม ก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในอินเทอร์เน็ตหนาหูมาก ๆ ถึงการสลัดคราบจากสาวน้อยหน้าหวาน กลายเป็นทอมหล่อซะงั้น! ทำให้หนุ่ม ๆ หลายคนถึงกับออกปากเสียด๊าย…เสียดาย กับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ แถมยังมีข่าวแว่ว ๆ ว่า นัน สุนันทา ยูรนิยม เป็นตัวเก็งในรอบ 8 คน สุดท้ายของประกวดเดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาวปีที่ 7 (The star 7) ซะด้วย ... เอาเป็นว่าเราไปทำความรู้จักกับ นัน สุนันทา ยูรนิยม กันดีกว่าค่ะ<br /><a href="http://4.bp.blogspot.com/-OZTYtUshQZA/TVxtbEStd1I/AAAAAAAABbQ/G6Is-aJviNI/s1600/02_1.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 164px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-OZTYtUshQZA/TVxtbEStd1I/AAAAAAAABbQ/G6Is-aJviNI/s200/02_1.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5574450750553945938" /></a><br /><br /> โดย นัน สุนันทา ยูรนิยม ได้เข้าวงการตั้งแต่อายุ 15 ปี และมีผลงานผ่านตาทั้งละคร และโฆษณามามากมายหลายชิ้น อีกทั้งยังได้ประกวดเวทีมิสทีนไทยแลนด์ 2009 อีกด้วย แถมล่าสุดก็ได้เข้าประกวดเวทีเดอะสตาร์ค้นฟ้าคว้าดาวปีที่ 7 เวทีประกวดนักร้องคุณภาพระดับประเทศ ซึ่งยังไม่ทันที่จะประกาศผล 8 คนสุดท้าย แต่คะแนนนิยมจากอินเทอร์เน็ตส่งกำลังใจมาให้ นัน สุนันทา ยูรนิยม กันอย่างล้นหลาม แถมยังมีสาว ๆ ตกหลุมรักในหน้าหวาน ๆ สมัครแฟนคลับ นัน สุนันทา ยูรนิยม กันเป็นแถวเลยทีเดียว<br /><br /> เอ้า..ใครที่ชื่นชอบสาวหล่อคนนี้อย่าง นัน สุนันทา ยูรนิยม ก็ติดตามผลงานของเธอกันต่อไปนะค่ะ<br /><a href="http://4.bp.blogspot.com/-cN1ignChdFY/TVxtoaN4nyI/AAAAAAAABbY/8w1GvghNIpc/s1600/07_1.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 150px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-cN1ignChdFY/TVxtoaN4nyI/AAAAAAAABbY/8w1GvghNIpc/s200/07_1.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5574450979777584930" /></a><br /><br />ประวัติ นัน สุนันทา ยูรนิยม <br /><br /> ชื่อ : นัน สุนันทา ยูรนิยม <br /><br /> ชื่อเล่น : นัน<br /><br /> อายุ : 20 ปี <br /><br /> เกิด : วันที่ 1กุมภาพันธ์ พ.ศ.2534<br /><br />การศึกษา: <br /><br /> ระดับมัธยมศึกษา : ศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์ฯ<br /><br /> ระดับมหาวิทยาลัย : มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ<br /><br />ผลงาน :<br /><br /> ประกวดเวที มิสทีนไทยแลนด์ 2009 <br /><br /> ละคร แว่วเสียงซึง<br /><br /> ละคร เหนือทรายใต้ฟ้า<br /><br /> ละคร สตรีที่โลกลืม<br /><br /> ร้องเพลง ประกอบละครเหนือทรายใต้ฟ้า<br /><br /> ผลงานโฆษณา 16 ชิ้น<br /><br />เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม<br />ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก นัน thestar7Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-58809000946250467352011-02-15T07:00:00.000-08:002011-02-15T07:32:20.104-08:00อยู่ก่อนแต่ง - แต่งก่อนอยู่” ประเด็นฮิตคู่วัยโจ๋มหา’ลัย<img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 150px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-r_BvExl9DWI/TVqbxuSrHfI/AAAAAAAABaU/A_Q4Lg72rzk/s200/55883_2.jpg" border="0" alt="อยู่ก่อนแต่ง - แต่งก่อนอยู่” ประเด็นฮิตคู่วัยโจ๋มหา’ลัย"title ="อยู่ก่อนแต่ง - แต่งก่อนอยู่” ประเด็นฮิตคู่วัยโจ๋มหา’ลัย" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5573938767366659570" /><br />ยุคสมัยนี้ คนจะรักกันไม่ใช่เรื่องยากเหมือนสมัยก่อน โดยเฉพาะวัยโจ๋ทั้งหลายเมื่อมีโอกาสได้ไปเรียนไกลบ้าน ไกลหูไกลตาผู้ปกครอง ก็มีโอกาสพบเจอคนมากมาย ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้เจอกันง่าย รักกันง่าย แล้วก็ "อยู่ก่อนแต่ง" กันง่ายขึ้น จนมีให้เห็นชินตาตามหอพักนักศึกษา บางคู่อยู่ด้วยกันแล้วดูแลเอาใจใส่กันดีเสมอต้นเสมอปลายจนเป็นฝั่งเป็นฝาแต่งงานกันไปในที่สุด ก็นับว่าโชคดีไป แต่ก็ใช่จะเป็นอย่างนั้นทุกคู่ ทุกคน<br /> <br /> ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าการอยู่ก่อนแต่งในวัยเรียนส่งผลเสียต่อบางคู่ เช่น การตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม เพราะยังต้องเรียนหนังสือ ตามมาด้วยปัญหาการทำแท้ง เป็นต้น คำกล่าวที่ว่า "รักง่าย หน่ายเร็ว" จึงเสมือนสัญลักษณ์ของวัยโจ๋สมัยนี้ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้การอยู่ก่อนแต่ง หรือ แต่งก่อนอยู่ จึงมีเหตุผลแตกต่างกันไป<br /> <br /> ในมุมมองของต่างชาติ โดยเฉพาะโลกตะวันตก ถือว่าการอยู่ก่อนแต่งเป็นเรื่องปกติ เพราะไหนจะประหยัดเรื่องค่าใช้จ่ายซึ่งมีผลเกี่ยวข้องกับการจ่ายภาษี หรือส่วนลดหย่อนภาษี ยังมีเรื่องข้อผูกพันตามกฎหมาย เพราะบางคนแต่งงานไปแล้วไปด้วยกันไม่ได้ หากต้องการหย่า จำเป็นต้องรออีกเป็นเวลา 2 ปี จึงสามารถเซ็นใบหย่าได้ (สำหรับประเทศในกลุ่ม EU) เพราะรัฐบาลต้องการให้คน 2 คนมั่นใจจริง ๆ ว่าเลิกกัน ไม่ใช่เลิกกันวันนี้ แล้วสัปดาห์ถัดไปกลับมาดีกันอีก หรือหากมีลูกก็ต้องมีผลบังคับในเรื่องเงินเลี้ยงดูด้วย ฉะนั้นต้องมั่นใจจริงๆ ว่าเขาและเธอ สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนอีกคนหนึ่งได้โดยไม่มีปัญหาตามมาในอนาคต<br /><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 154px; height: 200px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-pJZFzEMZ5-Y/TVqWUHWyo3I/AAAAAAAABaM/fFI2SraJ4j8/s200/554000001212401.jpg" border="0" alt=""อยู่ก่อนแต่ง - แต่งก่อนอยู่” ประเด็นฮิตคู่วัยโจ๋มหา’ลัย" title =""อยู่ก่อนแต่ง - แต่งก่อนอยู่” ประเด็นฮิตคู่วัยโจ๋มหา’ลัย" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5573932761140601714" /> <br /> แต่สำหรับ โลกตะวันออกอย่างเมืองไทย ซึ่งในปัจจุบันก็มีการนำวัฒนธรรมแนวคิดของตะวันตกมาปรับใช้ในชีวิตไม่น้อย จึงเป็นเรื่องน่าสนใจว่าความคิดเห็นของนักศึกษานั้น "คิดเห็นอย่างไร กับการอยู่ก่อนแต่ง ?"<br /> <br /> เริ่มที่ "แก้ม" นักศึกษาหญิงชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง มองว่าไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร ถ้าความคิดความอ่านโตพอที่จะดูแลตัวเองได้ รู้ว่าสิ่งไหนผิดหรือถูก ควรป้องกันอย่างไร<br /> <br /> “ถ้าเราอยู่กับแฟนแล้วชวนกันเรียน ไม่ได้พากันโดดเรียน หรือกินเหล้าเมายา ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องเสื่อมเสียอะไร แต่ก็ขึ้นอยู่กับครอบครัวของเราด้วยว่ารับกับเรื่องแบบนี้ได้หรือเปล่า การให้เหตุผลกับครอบครัวว่า จำเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของเรา ว่ามีจุดประสงค์อย่างนั้นจริงหรือเปล่า หรือแค่โกหกให้ครอบครัวสบายใจ ถ้าครอบครัวเราเข้าใจในสภาวะโลกที่เปลี่ยนไปทุกๆวันได้แล้ว คิดว่าพ่อแม่ก็น่าจะเข้าใจ แล้วเปิดประตูให้เราปรึกษาเรื่องต่างๆกับเขาเพิ่มขึ้นด้วย เพราะการอยู่ก่อนแต่ง สามารถทำให้เรารู้จักคนที่เรารักมากขึ้น ทำให้เราได้เรียนรู้ในตัวของเขามากขึ้น เราจะได้เห็นมุมมองความคิดเขาอย่างแท้จริง ว่าเขาให้เกียรติเราขนาดไหน เขาดูแลเราได้จริงๆหรือเปล่า เขาเป็นคนสม่ำเสมอขนาดไหน” แก้ม กล่าว<br /> <br /> นักศึกษารายนี้ กล่าวต่อไปว่า หากรู้ว่าคนที่เราอยู่ด้วยเป็นอย่างไรแล้ว บางครั้งก็ทำให้เราหยุดคิดได้ว่า ความรักที่จะให้กับคนคนหนึ่ง ควรให้มากหรือน้อยขนาดไหน ควรรักเขา หรือรักตัวเองแค่ไหน แล้วให้น้ำหนักกับคำว่ารักมากแค่ไหน สำหรับช่วงเวลานั้น<br /> <br /> ด้าน "ทาทา" นักศึกษามหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ คิดว่าการที่นักศึกษาหญิง-ชายอยู่ด้วยกันก่อนแต่ง อาจเป็นเรื่องปกติของคนในสังคมไทยไปแล้ว แต่ก็แล้วแต่มุมมองของคน เพราะผู้ใหญ่อาจไม่เห็นด้วย แต่ถ้าสังคมในเมืองหลวงอาจเป็นเรื่องธรรมดา เพราะการที่อยู่ด้วยกันก่อนแต่ง เหมือนการลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ว่าจะอยู่ด้วยกันได้หรือเปล่า<br /> <br /> “ถ้าแต่งงาน แต่ไม่เคยอยู่ด้วยกัน บางครั้งก็อาจจะเบื่อกันได้ เพราะต่างคนต่างไม่เคยรู้นิสัยของแต่ละคนมาก่อน เพราะการแต่งงานไม่ได้เป็นเครื่องวัดว่าจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ตลอดหรือไม่ เหมือนเป็นเพียงข้อตกลงอย่างเป็นทางการให้คนอื่นรับรู้ตามประเพณีที่ถูกต้อง แน่นอนว่าถ้ายึดตามหลักประเพณีก็ต้องแต่งก่อนอยู่ถึงจะเหมาะสม แต่ถ้ามองตามหลักความเป็นจริง จะอยู่ก่อนหรือจะแต่งก่อนไม่ใช่เรื่องสำคัญ มันอยู่ที่การใช้ชีวิตด้วยกันระหว่างคนสองคนมากกว่า” นักศึกษาสาว แสดงความเห็น<br /><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 157px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-oxQyM4ibal8/TVqVoTN3oKI/AAAAAAAABaE/eFWkWy0DzFw/s200/nisit.gif" border="0" alt=""อยู่ก่อนแต่ง - แต่งก่อนอยู่” ประเด็นฮิตคู่วัยโจ๋มหา’ลัย" title=""อยู่ก่อนแต่ง - แต่งก่อนอยู่” ประเด็นฮิตคู่วัยโจ๋มหา’ลัย" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5573932008410161314" /> <br /> ส่วนความเห็นของหนุ่มๆอย่าง "จิ๊บ" นักศึกษาชายชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยรัฐชื่อดัง คิดว่าการอยู่ก่อนแต่งในวัยเรียน เป็นเรื่องธรรมดาของคนยุคนี้ไปแล้ว<br /> <br /> “เป็นการทำให้ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ได้รู้นิสัยใจคอที่แท้จริงของอีกฝ่าย และเราก็มีเวลาทบทวนว่าจะไปกับเขาได้ไหม ดีกว่าแต่งแล้วค่อยอยู่ เพราะถ้าแต่งแล้วอยู่ด้วยกัน เมื่อมีปัญหาต่างคนต่างเข้ากันไม่ได้ มารู้อะไรอีกหลายๆอย่างของอีกฝ่ายแล้วรับไม่ได้ ก็อาจสายไปที่จะเลิกคบ แล้วถ้าถึงขั้นต้องหย่าร้างกันจะกลายเป็นขี้ปากชาวบ้านอีก” จิ๊บให้ความเห็น<br /> <br /> แต่สำหรับ "โอม" นักศึกษาชายชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเดียวกัน เห็นว่า คำว่าแต่งงาน ความหมายก็บอกอยู่แล้วว่า จะต้องมีงานเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิต ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น เพราะไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว<br /> <br /> “เราต้องรับผิดชอบกับอนาคตที่จะเกิดขึ้นภายหน้า วัยรุ่นสมัยนี้อยู่ก่อนแต่งทั้งๆที่บางคนยังต้องแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่เลย ผมคิดว่าเรียนให้จบ มีงานทำก่อน แล้วค่อยคิดจะมีชีวิตคู่ร่วมกัน มันก็ไม่สาย ถ้าสถานะตัวเราเองยังไม่มั่นคง แล้วครอบครัวจะมั่นคงได้ยังไง ส่วนคนที่เห็นว่าการแต่งงานเป็นแค่การอุปโลกน์ ผมคิดว่าเป็นการคิดแบบมักง่ายมากกว่า เป็นการสอนให้คนทำอะไรมักง่าย"<br /> <br /> ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงด้านหนึ่งจากการสำรวจของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ที่สำรวจพฤติกรรมเยาวชน ของเด็กและเยาวชน ในรอบปี 2551-2552 โดยศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง 150,000 คน ครอบคลุมทั้ง 5 ช่วงวัย คือ ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย อาชีวศึกษา และ อุดมศึกษา พบว่าในเด็กอาชีวศึกษาและอุดมศึกษายอมรับว่าเคยมีเพศสัมพันธ์แล้วเฉลี่ยร้อยละ 37 และยอมรับการอยู่ก่อนแต่งร้อยละ 50 โดยยังพบวัยรุ่นหญิงอายุต่ำกว่า 19 ปีมาทำคลอดจำนวน 69,387 รายหรือเฉลี่ยวันละ 190 ราย<br /> <br />โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์<br />ภาพประกอบจาก forward mailUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-81364671691352822852011-02-01T14:26:00.001-08:002011-02-01T14:35:51.097-08:00สำนวนอังกฤษที่จำเป็นในการจัดการโปรเจ็ค<a href="http://2.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/TUiIw_SgvMI/AAAAAAAABYQ/kOzzOmCsC4M/s1600/187-project-medium.jpg" target="_blank"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5568851314447793346" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 143px; CURSOR: hand; HEIGHT: 88px" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/TUiIw_SgvMI/AAAAAAAABYQ/kOzzOmCsC4M/s200/187-project-medium.jpg" border="0" /></a><br /><span style="color:#cc0000;">สำนวนอังกฤษที่จำเป็นในการจัดการโปรเจ็ค<br /></span>ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้จัดการโปรเจ็คหรือเป็นหนึ่งในทีมงานนั้น คุณก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้สำนวนในการดำเนินโปรเจ็คได้เพราะในปัจจุบันจะถูกใช้กันอย่างมากมายในออฟฟิศทั่วโลก ปัญหาก็คือคุณไม่สามารถหาคำแปลสำนวนเหล่านี้ได้จากดิกชันนารี เรียนรู้จากคำแนะนำของเราเรื่องสำนวนภาษาที่ใช้กันในออฟฟิศเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโปรเจ็ควันพรุ่งนี้!<br /><span style="color:#ff6600;">Define the scope</span> หนึ่งในก้าวแรกของการดำเนินโปรเจ็คคือการระบุผลกระทบและขอบเขตของโปรเจ็ค หรือการสร้างproject scope และscopeควรให้รายละเอียดถึงผลิตผลสุดท้ายที่โปรเจ็คนี้ก่อให้เกิด<br />คุณสมบัติพิเศษ<br /><a href="http://3.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/TUiI7FK0Q3I/AAAAAAAABYY/ROzm2-2BY28/s1600/spotlight.jpg" target="_blank"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5568851487824823154" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 79px; CURSOR: hand; HEIGHT: 71px" alt="" src="http://3.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/TUiI7FK0Q3I/AAAAAAAABYY/ROzm2-2BY28/s200/spotlight.jpg" border="0" /></a><br /><span style="color:#ff6600;">Establish a timeline</span> ต่อไปคุณควรตัดสินว่าจะใช้ระยะเวลาเท่าใดในการทำแต่ละขึ้นตอนของโปรเจ็คนั้นให้สมบูรณ์โดยการสร้างtimeline เพื่อที่คุณจะรู้ว่าคุณอยู่จุดไหนของโปรเจ็คและทำเวลาได้ดีตรงตามที่กำหนดไว้หรือไม่จนกว่าโปรเจ็คนั้นจะสิ้นสุดลง<br /><span style="color:#ff6600;">Specify target outcomes</span> คุณจะวัดความสำเร็จของโปรเจ็คได้อย่างไร? มันสำคัญที่คุณต้องระบุ target outcomes หรือผลที่ต้องการที่ประมาณผลประโยชน์ได้เพื่อใช้ในการวัดความสำเร็จของโปรเจ็ค<br /><span style="color:#ff6600;">Determine necessary outputs</span> พิจารณาถึงผลผลิต บริการ ธุรกิจ การจัดการ หรือที่กล่าวรวมๆ ว่า outputs ที่จำเป็นเพื่อที่คุณจะบรรลุ target outcomes ให้เป็นผลสำเร็จ<br /><span style="color:#ff6600;">Put a project team together</span> บุคคลกรเป็นหัวใจสำคัญในความสำเร็จของโปรเจ็จของคุณ เลือกสรรเอาพนักงานที่มีความสามารถเข้ามาร่วมในproject teamของคุณ นั่นคือทีมของผู้คนที่ร่วมกันทำงานเพื่อทำโปรเจ็คนั้นให้เป็นผลสำเร็จอย่างที่ตั้งไว้ คุณควรมอบหมายหน้าที่รับผิดชอบให้แต่ละคนอย่างเหมาะสม<br /><span style="color:#ff6600;">Record milestones</span> เมื่อสมาชิกใน project team แต่ละคนทำสิ่งที่รับผิดชอบหรือขั้นตอนใดที่ระบุไว้สิ้นสุดลงแล้ว อย่าลืมทำการลงบันทึกไว้ด้วย Milestonesหมายถึงทั้งสิ่งที่สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์ และสามารถใช้บ่งบอกถึงความก้าวหน้าของโปรเจ็ค<br /><span style="color:#ff6600;">Create baseline metrics</span> ความก้าวหน้าและการดำเนินไปของโปรเจ็คควรถูกประเมินโดยใช้ baseline metrics, ซึ่งก็คือกลุ่มของตัวบ่งชี้ที่ใช้วัดสมรรถภาพของโปรเจ็ค<br /><span style="color:#ff6600;">Set a budget cost</span> ตัดสินว่าคุณกะว่าโปรเจ็คนี้จะใช้งบประมาณเท่าใด และตั้งbudget costไว้ตั้งแต่การเริ่มต้นของโปรเจ็ค คุณสามารถปรับปรุง budget ของคุณและเพิ่มรายละเอียดได้ในภายหลัง<br /><span style="color:#ff6600;">Produce deliverables</span> เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปเป็นผลอย่างน่าพอใจตามที่ตกลงไว้ อย่าลืมเตรียมdeliverables, อย่างเช่นรายงานหรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องทำให้สมบูรณ์ แล้วก็ต้องทำให้เสร็จทันเวลาตามที่กำหนดไว้ด้วย!<br /><span style="color:#ff6600;">Execute risk management</span> ในทุกโปรเจ็คจะมีrisks หรือความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบถึงความสำเร็จหรือความล่าช้าของโปรเจ็คอยู่ด้วยเสมอ ผู้จัดการโปรเจ็คที่ดีจะดำเนินการกับ risk management โดยการระบุ วิเคราะห์ ประเมิน และกำจัดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ<br /><br />from English town/MSNUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-67616351382046386942011-01-30T04:05:00.000-08:002011-01-30T04:20:27.735-08:009 เทคนิค ฝึกสมองไบรท์9 เทคนิค ฝึกสมองไบรท์<br />โดย วนิษา เรซ ผู้เชี่ยวชาญด้านอัจฉริยภาพจาก ม.ฮาร์วาร์ด<br /><a href="http://3.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/TUVVSlP5xdI/AAAAAAAABX4/P6IPXhVIh1A/s1600/%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B5.jpg" target="_blank"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5567950292038305234" title="9 เทคนิค ฝึกสมองไบรท์ โดย วนิษา เรซ ผู้เชี่ยวชาญด้านอัจฉริยภาพจาก ม.ฮาร์วาร์ด" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 219px" alt="9 เทคนิค ฝึกสมองไบรท์ โดย วนิษา เรซ ผู้เชี่ยวชาญด้านอัจฉริยภาพจาก ม.ฮาร์วาร์ด " src="http://3.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/TUVVSlP5xdI/AAAAAAAABX4/P6IPXhVIh1A/s320/%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B5.jpg" border="0" /></a><br />1. จิบน้ำบ่อยๆ สมองประกอบด้วยน้ำ 85 เปอร์เซ็นต์<br />เซลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เซลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อยๆ<br /><br />2. กินไขมันดี คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน<br />ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่างปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดีที่ทำให้เซลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น<br /><br />3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที<br />เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Thet a ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุดๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ (ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน)<br /><br />4. ใส่ความตั้งใจ<br />การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน<br /><br />5. หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ<br />ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอนเดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขหลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ<br /><br />6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน<br />สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา ฯลฯเพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอนเดอร์ฟินและโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ไปเรื่อยๆ เมื ่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์<br />7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน<br />ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเองเป็นการลดภาระของสมอง<br /><br />8. เขียนบันทึก Graceful Journal ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดีๆ<br />ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข ฯลฯ เพราะการเขียนเรื่องดีๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์<br /><br />9. ฝึกหายใจลึกๆ<br />สมองใช้ออกซิเจน 20-25 เปอร์เซ็นต์ของออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึกๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนานๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยืดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์<br /><br />บทสัมภาษณ์จาก : วนิษา เรซUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-30329212789730651122011-01-27T07:15:00.000-08:002011-01-27T07:22:41.053-08:00ภูมิใจไหม ? สื่อแดนปลาดิบมองชุดนักศึกษาไทยเซ็กซี่ที่สุดกลายเป็นกระแสร้อนแรงในโลกไซเบอร์ไปแล้ว สำหรับประเด็นสื่อจากประเทศญี่ปุ่นยกให้ “ชุดนักศึกษาไทย” เป็นชุดนักศึกษาที่เซ็กซี่ที่สุด !!<br /> <br /> โดยข้อมูลที่อ้างจากเว็บไซต์ popcornfor2.com เผยว่า มีสื่อของญี่ปุ่นหลายฉบับ ต่างกล่าวว่า เครื่องแบบนักเรียน (ในที่นี่หมายถึงเครื่องแบบนักศึกษา) เป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องได้รับการประเมิน เนื่องจากเครื่องแบบก็กลายมาเป็นหนึ่งในแฟชั่นอีกประเภทเช่นกัน โดยได้จัดทำการสำรวจขึ้น ซึ่งผลการสำรวจ สื่อญี่ปุ่นได้ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา ว่า เครื่องแบบนักศึกษาของไทย เป็นเครื่องแบบนักศึกษาที่เซ็กซี่ที่สุด เพราะส่วนของเสื้อเชิ้ตจะโชว์ให้เห็นถึงสัดส่วนของร่างกาย ส่วนกระโปรงก็สั้นมาก โดยมีความยาวไม่ถึง 20 เซนติเมตร<br /> <br /> เมื่อประเด็นข่าวดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ จึงกลายเป็นประเด็นร้อนแรงตามหน้าเว็บบอร์ดของไทยหลายแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็แสดงความไม่เห็นด้วย เพราะมองว่า เครื่องแบบนักศึกษาในสายตาสื่อต่างชาติที่มองว่าเซ็กซี่นั้น ในความเป็นจริง คือ เครื่องแบบที่ผิดระเบียบ บางส่วนก็มองว่าเป็นความน่าอับอาย<br /><a href="http://4.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/TUGMegJewLI/AAAAAAAABXQ/K0G0Us1efcY/s1600/554000001212401.jpg" target="_blank"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 259px;" src="http://4.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/TUGMegJewLI/AAAAAAAABXQ/K0G0Us1efcY/s320/554000001212401.jpg" border="0" alt="นักศึกษาไทยเซ็กซี่ที่สุด"id="BLOGGER_PHOTO_ID_5566885070060306610" /></a> <br /> Life on Campus สำรวจความคิดเห็นในประเด็นนี้ กับนิสิตนักศึกษาไทย ว่ามีมุมมองอย่างไรต่อข่าวนี้<br /> <br /> เริ่มที่ “พิมพ์ชฎา พูลทัศฐาน” นิสิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เผยว่า ส่วนตัวเวลาไปเรียน จะสวมกระโปรงสอบ เสื้อไม่รัดติ้ว ไม่นุ่งสั้นจนน่าเกลียดอยู่แล้ว แต่ก็ไม่แปลกใจว่าเหตุใดสื่อญี่ปุ่นจึงมองชุดนักศึกษาไทยว่าเซ็กซี่<br /> <br /> “เหตุผล คือ นักศึกษาที่แต่งตัวผิดระเบียบมีเป็นจำนวนมากนั่นเองค่ะ หลายคนแต่งตามแฟชั่นจนดูล่อแหลม โดยเฉพาะสถานศึกษาบางแห่งที่ไม่เข้มงวดในการควบคุมชุดนักศึกษา ก็ยิ่งเห็นนักศึกษานุ่งสั้น รัดติ้วจำนวนมาก” พิมพ์ชฎา กล่าว<br /> <br /> นิสิต มศว เผยต่อไปว่า คณะที่ตนเรียน มีนิสิตแต่งกายไม่เหมาะบ้างเหมือนกัน แต่มหาวิทยาลัยก็มีมาตรการในการควบคุม อาทิ หากแต่งกายไม่เหมาะสมจนถึงขั้นไม่สุภาพ รปภ.จะไม่อนุญาตให้ขึ้นไปบนอาคารเรียน รวมถึงอาจารย์จะเรียกไปว่ากล่าวตักเตือน<br /> <br /> “การแก้ปัญหาเรื่องการแต่งกายของนิสิตนักศึกษา สำคัญที่สุดจึงอยู่ที่มหาวิทยาลัย ที่จะต้องควบคุม สร้างค่านิยมให้กับนักศึกษาว่าการแต่งกายถูกระเบียบเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งไม่ต้องถึงกับขนาดว่าต้องสวมเสื้อตัวใหญ่ หรือกระโปรงคลุมเข่าก็ได้ แต่ให้อยู่ในความเหมาะสมพอเหมาะพอดี นิสิตนักศึกษาเองก็ควรภูมิใจในเครื่องแบบสถาบันของตนเอง และต้องคิดว่าการแต่งกายแบบนั้นมีผลร้าย มากกว่าผลดี”<br /> <br /> นิสิตศิลปกรรมฯ มศว สรุปทิ้งท้ายว่า การที่สื่อต่างชาติมีมุมมองเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจ เพราะภาพลักษณ์ด้านการศึกษา ไม่ควรเกี่ยวข้องกับความเซ็กซี่ และการแต่งกายถูกระเบียบย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่า<br /><a href="http://1.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/TUGMuHSt2_I/AAAAAAAABXY/Jpnc3l-JOhI/s1600/554000001212402.jpg" target="_blank"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 246px;" src="http://1.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/TUGMuHSt2_I/AAAAAAAABXY/Jpnc3l-JOhI/s320/554000001212402.jpg" border="0" alt="นักศึกษาไทยเซ็กซี่ที่สุด"id="BLOGGER_PHOTO_ID_5566885338266065906" /></a> <br /> สอดคล้องกับความเห็นของ “ศิรภัสสร อินนันชัย” นิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่แสดงความเห็นว่า รู้สึกไม่ดีที่ภาพลักษณ์ด้านการศึกษาไปเกี่ยวข้อง หรือสื่อไปในทางเพศ<br /> <br /> “ที่คณะนิเทศฯ จุฬาฯ เวลานิสิตเข้าปี 1 จะมีกฎการแต่งกาย คือ สวมกระโปรงพีต กระโปรงต้องยาวครึ่งแข้ง เป็นชุดเฟรชชี่ที่ถูกระเบียบ เมื่อนิสิตขึ้นปี 2 ก็เลยไม่ค่อยมีใครแต่งรัดติ้ว นุ่งสั้นมากจนน่าเกลียด เพราะมันจะดูแปลก กลายเป็นที่จับตามองจากคนอื่นในคณะ ดังนั้นการรณรงค์เรื่องการแต่งกายที่มาจากเพื่อน พี่ น้อง ร่วมคณะ น่าจะช่วยได้มาก และการแก้ปัญหาก็ต้องช่วยกันสร้างค่านิยมที่เหมาะสม” นิสิต จากคณะนิเทศศาสตร์ กล่าว<br /> <br /> ส่วนมุมมองของนักศึกษาชายอย่าง “ทศพร กล้าหาญ” นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ยอมรับว่า เป็นเรื่องจริง เพราะยังไม่เห็นชุดนักศึกษาประเทศไหนเซ็กซี่ขนาดนี้<br /> <br /> “กระโปรงสั้นๆสีดำ กับขาขาวๆ ผมว่ามันตัดกันดูเซ็กซี่ดี แถมยังใส่ส้นสูงอีก เจอที่ไหนก็ต้องมอง คงเซ็กซี่ตรงตรงนี้แหละ เสื้อก็รัดทุกสัดส่วน ของต่างประเทศเขาไม่มียูนิฟอร์ม คือ เขาจะแต่งยังไงก็เรียนได้ แต่ก็น่าแปลก ภาพความเซ็กซี่ของเขาไม่ชัดเท่าของเรา”<br /><a href="http://2.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/TUGM-lTQ3EI/AAAAAAAABXg/0aXCB5m9-kw/s1600/554000001212403.jpg" target="_blank"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 213px;" src="http://2.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/TUGM-lTQ3EI/AAAAAAAABXg/0aXCB5m9-kw/s320/554000001212403.jpg" border="0" alt="นักศึกษาไทยเซ็กซี่ที่สุด"id="BLOGGER_PHOTO_ID_5566885621199330370" /></a><br /><br />ตัวอย่างชุดนักศึกษาไทยที่ถูกระเบียบของมหาวิทยาลัย <br /> <br /> <br /> แต่ในมุมมองของ “ศิริรัตน์ ชั่นศิริ” จากมหาวิทยาลัยนเรศวร กลับมองต่างกันไปว่า ประเทศอื่นน่าจะเซ็กซี่กว่านี้ ส่วนของประเทศไทยอาจจะใช่ในระดับหนึ่ง แต่คิดว่าหากเป็นอันดับหนึ่งก็ดูแรงไป<br /> <br /> “คิดว่าเมืองนอกเขาฟรีสไตล์แต่งยังไงก็ได้น่าจะเซ็กซี่มากกว่าอีก ไทยมียูนิฟอร์มดูรัดกุมกว่า แต่อาจจะเป็นบางคนที่แต่งตัวแบบเซ็กซี่ก็เป็นส่วนน้อย อย่างบางคนต้องเดินทางขึ้นรถเมล์หรือขึ้นบันไดอะไรต่าง ๆก็ควรเซฟตัวเองให้มากที่สุด แต่บางคนรู้แต่ก็ไม่ทำ”<br /> <br /> ศิริรัตน์ ยังให้ข้อคิดว่า ชุดนักศึกษาใส่แค่ 4 ปี เพราะฉะนั้นแต่งให้เหมาะสมดีกว่า อย่าให้ใครมาว่า หรือดูถูกชุดนักศึกษาไทยเลย บางคนแต่งชุดดูแล้วเหมือนไม่ใช่นักศึกษา น่าจะไปทำอาชีพอื่นมากกว่า<br /> <br /> นอกจากนี้ Life on Campus ยังมีความคิดเห็นจากนิสิตต่างชาติอย่าง “Healin Han” หรือ “ลิน” นิสิตแลกเปลี่ยนจาก Far East University (FEU) ประเทศเกาหลีใต้ ที่มาศึกษา ณ มหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่ง Life on Campus เคยสัมภาษณ์เกี่ยวกับชุดนิสิตเอาไว้<br /> <br /> โดย ลิน เผยว่า เป็นเรื่องที่เธอประหลาดใจ สำหรับเครื่องแบบนิสิต เพราะที่ประเทศเกาหลีมียูนิฟอร์มสำหรับนักเรียนมัธยมเท่านั้น แต่เธอก็รู้สึกว่าเครื่องแบบนิสิตนักศึกษาไทยเป็นสิ่งที่ดี<br /> <br /> “ฉันก็รู้สึกแปลกๆ แต่สักพักก็รู้สึกดี คิดว่าเป็นเครื่องแบบที่สวยงาม แล้วเป็นเรื่องที่ดี เพราะไม่ต้องเสียเวลาในการเลือกว่า วันนี้ฉันจะใส่ชุดอะไรไปมหาวิทยาลัย” สาวเกาหลี ให้ความเห็น<br /><br />ข้อมูลจาก manager onlineUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-35387962402127075892010-04-20T01:44:00.000-07:002010-04-20T01:51:15.627-07:00<h1>เหตุผลที่..."หญิงรักหญิง” /เรื่องเล่า นศ.</h1> <br />โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 เมษายน 2553 18:17 น. <br /> <a href="http://s814.photobucket.com/albums/zz65/banakorn/student/?action=view¤t=553000005699601.jpg" target="_blank"><img src="http://i814.photobucket.com/albums/zz65/banakorn/student/553000005699601.jpg" border="0" alt="Photobucket"></a> <br /> “เหตุผลที่...หญิงรักหญิง” เป็นบทความสะท้อนสังคมจากฝีไม้ลายมือของสาวน้อย “พิชญา ขันตยาภรณ์” นักศึกษาภาควิชาวารสารศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ รั้วมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ผู้ขีดเขียนคอลัมภ์ “Pink” ลงในนิตยสาร "บ้านกล้วย" ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ฉบับที่ 3 เล่มที่ 32 เธอได้หยิบยกเอาตัวอย่าง คำพูดของบุคคลเพศที่ 3 มาเป็นเรื่องราวความเป็นมาของบทความเรื่องนี้ เราลองมาดูกันดีกว่า บทความนี้ จะถูกใจใคร(สักคน)กันบ้าง <br /> ** <br /> ความรักนั้นมีมากมายหลายรูปแบบแตกต่างกันออกไป อาจเป็นเพราะความรักไม่มีกฏเกณฑ์ที่จำกัดความรู้สึกของแต่ละคนได้ จะมีก็แต่เพียงการตีกรอบที่สังคมสร้างขึ้นเสียมากกว่าว่า ความรักนั้นต้องเกิดขึ้นในรูปแบบใด และกับเพศใดถึงเหมาะสม<br /> <br /> “หญิงรักหญิง” หรือกลุ่มเลสเบี้ยน ทอม ดี้ เป็นอีกหนึ่งกลุ่มความรักที่ถูกมองว่า ผิดธรรมชาติ แต่ในขณะเดียวกันอาจมีอีกแง่มุมหนึ่งที่มองความรักของคนกลุ่มนี้ว่า มีความละเอียดอ่อนและงดงามมาก แต่ความรักของพวกเธอนั้นคงต้องใช้ความเข้าใจเพื่อมองสิ่งที่พวกเธอเป็น<br /> <br /> ความสัมพันธ์แบบหญิงรักหญิงนั้น มักมีคนพูดเสมอว่า เกิดจากการรับค่านิยมจากต่างประเทศ แต่แท้จริงแล้ว ความรักแบบนั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว ซึ่งสมัยก่อนเรียกว่า “อัญจารี” เป็นกลุ่มรวมชาวหญิงรักหญิง ที่จะปรากฏให้เห็นจากบทกลอนของสุนทรภู่ ในนิราศพระประธมแสดงให้เห็นว่า สุนทรภู่นั้นได้กล่าวถึงเรื่องราวความรักของหญิงรักหญิงเอาไว้ ดังนั้นจึงใคร่ขอยกมาเป็นตัวอย่างตอนหนึ่ง <br /> <br /> “ที่ปลูกรักจักได้ชื่นทุกคืนค่ำ ก็เตี้ยต่ำตายฝอยกร๋องกร๋อยโกร๋น ที่ชื่นเชยเคยรักเหมือนหลักประโคน ก็หักโค่นขาดสูญประยูรวงศ์ ยังเหลือแต่แม่ศรีสาครอยู่ ไปสิงสู่เสน่หานางสาหงส์ จะเชิญเจ้าเท่าไร่ก็ไม่ลง ให้คนทรงเสียใจมิได้เชย”<br /> <br /> จากตอนหนึ่งของนิราศแสดงให้เห็นว่า แม่ศรีสาครนั้นรักอยู่กับนางสาหงส์ คำว่า “สิงสู่” ในที่นี้แสดงให้เห็นความรักที่แม่ศรีสาครมีต่อนางสาหงส์ ถึงขั้นหลงใหลอย่างไม่ยอมจากลา หรือไม่ยอมแม้จะอยู่ห่างไกลกัน<br /> <br /> ดังนั้นความสัมพันธ์แบบหญิงรักหญิง อาจจะไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่รับมาจากตะวันตก แต่มีอยู่ก่อนหน้าแล้วในประวัติศาสตร์ไทยก็เป็นได้ ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า หญิงรักหญิง หรือเลสเบี้ยน ทอม ดี้ แตกต่างกันอย่างไร “เลสเบี้ยน” เป็นคำเรียกของผู้หญิงที่ชอบผู้หญิงด้วยกัน หรือหญิงรักหญิงนั้นเอง ส่วน “ทอม” มาจากภาษาอังกฤษว่า “Tomboy” เป็นผู้หญิงที่ทำตัวเหมือนชาย และ “ดี้” มาจากภาษาอังกฤษว่า “Lady” เป็นผู้หญิงที่ชอบทอม โดยทั่วไปจะคบและคลั่งไคล้สาวหล่อหรือทอมนั้นเอง<br /> <br /> ความรักของผู้หญิงที่รักหญิงด้วยกัน มีความละเอียดละอ่อนเป็นอย่างมาก เพราะต้องคอยดูแลเอาใจใส่เป็นห่วงเสมอ เป็นทุกอย่างของกันและกันได้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง รวมถึงคนรู้ใจ ทำได้แม้ที่ต้องเสียสละเพื่อความรัก<br /> <br /> “กิ๋ว” หญิงสาวที่อยู่ในกลุ่มหญิงรักหญิงหรือเลสเบี้ยน เล่าให้ฟังว่า นิยามความรักของเธอคือ "การเข้าใจและห่วงใยซึ่งกันและกัน" โดยให้เหตุผลว่า สาเหตุหนึ่งที่เธอหันมาชอบผู้หญิงด้วยกันเป็นเพราะความเข้าใจในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวัน การเลือกซื้อของ รวมถึงเรื่องสุขภาพที่ผู้ชายหลายคนอาจไม่เข้าใจ อีกทั้งความห่วงใยที่ผู้หญิงมีให้กันแล้ว อาจมีให้กันมากกว่าที่ผู้ชายจะมีให้ และผู้หญิงยังมีความสุภาพอ่อนหวานกว่า<br /><a href="http://s814.photobucket.com/albums/zz65/banakorn/student/?action=view¤t=553000005699602.jpg" target="_blank"><img src="http://i814.photobucket.com/albums/zz65/banakorn/student/553000005699602.jpg" border="0" alt="Photobucket"></a> <br /> ส่วน “แต๊งค์กิ้ว” ได้ถ่ายทอดความรู้สึกและเหตุผลถึงการเป็นทอมว่า เขามีท่าทางและรู้สึกว่า ตนเองเป็นผู้ชายตั้งแต่จำความได้ ไม่ได้เป็นตามกระแสหรือแฟชั่นแต่อย่างใด เขาเกิดมาเห็นเด็กผู้หญิงด้วยกันแล้วรู้สึกชอบ โดยที่ตัวเองไม่รู้ว่าทำไม อาจเป็นเพราะผู้หญิงมีความสะอาด น่ารัก เรียบร้อย เอาใจเก่ง ช่างพูด ช่างแต่งตัว และที่สำคัญคือ "ความเข้าใจที่ผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชาย" ซึ่งบางครั้งก็รู้สึกว่า ผู้หญิงที่มาคบนั้นต้องเสียสละ เพราะคนอื่นในสังคมอาจมองไม่ดี แต่ยังอยู่โดยไม่อายใคร จึงได้ให้นิยามความรักของตัวเองว่า “ความรักไม่มีเส้นขีดว่า อะไรเหมาะสมและอะไรไม่เหมาะสม แต่ความรู้สึกของคนเราต่างหากที่บอกว่าอะไรเป็นสิ่งที่ตนเองนั้นต้องการจริงๆ”<br /> <br /> สำหรับ “เจน” เธอยอมรับว่าเป็นดี้ หรือหญิงที่ชอบทอม เจนเล่าว่า เธอเคยเป็นผู้หญิงมาก่อน แต่เพราะทนความเจ้าอารมณ์ของผู้ชายไม่ไหว รวมถึงความเข้าใจ เลยหันมาลองคบกับทอม ปรากฏว่า ทอมดูแลเอาใจใส่ให้ความเข้าใจเป็นอย่างดี และมีความเสมอต้นเสมอปลาย อีกทั้งทอมเอาใจเก่ง "ทำให้มีความสุข ไม่ว่าจะทุกข์เพียงใดก็ทำให้ยิ้มได้ตลอด"<br /> <br /> ตัวผู้เขียนเองได้เห็นความรักของทอมดี้คู่หนึ่งที่รักกันมาก แต่ต้องเลิกรากันไป ทั้งที่ยังรักกัน เพราะด้วยเหตุผลที่ว่า ดี้ต้องไปแต่งงานตามที่พ่อแม่ขอร้อง เพราะไม่อยากให้สังคมมองลูกของตนว่าเป็นพวกรักเพศเดียวกัน ฝ่ายทอมได้พูดกับพ่อแม่ฝ่ายดี้ว่า “ความรักของคนที่เป็นทอมเองก็ต้องเสียสละด้วยกันทั้งนั้น เพราะตัวเองรู้ดีและเข้าใจดีว่า โลกนี้สร้างผู้หญิงให้เกิดมาคู่กับผู้ชาย มันเป็นธรรมชาติ" เพราะฉะนั้น ตนเข้าใจดีและยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใด และยังช่วยเลี้ยงดูลูกให้กับดี้คนนั้นด้วย<br /> <br /> ไม่ว่าในโลกนี้จะมีความรักกี่แบบก็ตาม ความรักของผู้หญิงกับผู้หญิงก็คงสวยงามไม่น้อยไปกว่าความรักแบบใดในโลก อาจจะกล่าวได้ว่า ความรักของผู้หญิง ต้องการแค่ความเข้าใจ ความห่วงใย ดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันมากกว่า การจับจองเอามาเป็นเจ้าของ หรือรักตามกระแสแฟชั่น<br /> <br /> ความรักเป็นสิ่งที่ไม่มีคำว่าถูกหรือผิด และความรักไม่มีกฏเกณฑ์ใดมาตัดสิน ไม่ว่าจเป็นอายุฐานะ รูปลักษณ์ หรือแม้กระทั่งเพศก็ตาม สิ่งที่จะตัดสินความรักว่าถูกหรือผิดนั้น กลายเป็นเรื่องตามแต่ใจของเราแต่ละคนนั้นจะเป็นตัวที่ตัดสินคำว่า “รัก” <br /> <br /> **ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.teeneehit.com/space-28172-do-thread-id-2374.htmlUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-40844611341774646392010-04-16T00:15:00.000-07:002010-04-16T00:17:34.163-07:00<span style="font-size:130%;color:#ff0000;">บัณฑิต ม.อ.ได้งานแล้วกว่าร้อยละ 80 “พยาบาล-ศิลปกรรม-วิเทศ-เภสัช” คณะฮิตไม่ตกงาน<br /><br /></span>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 เมษายน 2553 14:36 น.<br /><a href="http://s814.photobucket.com/albums/zz65/banakorn/student/?action=view&current=553000005364601.jpg" target="_blank"><img border="0" alt="Photobucket" src="http://i814.photobucket.com/albums/zz65/banakorn/student/553000005364601.jpg" /></a><br />ม.อ.เผย สถิติการได้งานทำของบัณฑิตใหม่ ปี ’51 แพทย์-ทันตะ ได้งาน 100% พยาบาล-ศิลปกรรม-วิเทศ-เภสัช-นิติ ฉลุยได้งานเกินร้อยละ 90<br /><br />กองแผนงานมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.)สำรวจภาวะการได้งานทำของบัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในปีการศึกษา 2551 พบว่า บัณฑิตระดับปริญญาตรีที่ให้ข้อมูล จำนวน 6,193 เป็นผู้มีงานทำแล้ว 4,133 คนหรือร้อยละ 81.3 ศึกษาต่อ 1,110 คน และยังไม่ได้ทำงาน 950 คน หรือร้อยละ 18.4 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาอัตราการได้งานทำเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 และบัณฑิตส่วนใหญ่หรือเกือบทุกคณะบัณฑิตได้งานทำเพิ่มขึ้น<br /><br />สำหรับคณะที่บัณฑิตได้งานสูงสุดนั้น หากไม่นับรวมคณะในสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ เช่น คณะแพทยศาสตร์ และ คณะทันตแพทยศาสตร์ ที่ได้งานทำทุกคนแล้ว คณะที่บัณฑิตได้งานทำสูงกว่าร้อยละ 90 ได้แก่ คณะพยาบาลศาสตร์ ร้อยละ 99.2 คณะศิลปกรรมศาสตร์ ร้อยละ 95.7 คณะวิเทศศึกษา ร้อยละ 95.2 คณะเภสัชศาสตร์ ร้อยละ 95.0 และคณะนิติศาสตร์ ร้อยละ 90.9 โดยเฉพาะบัณฑิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้งานทำมากกว่าปีที่ผ่านมา ถึงร้อยละ 30<br /><br />สาขาที่บัณฑิตได้งานทำทุกคนได้แก่ สาขาทัศนศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาฟิสิกส์ คณะศึกษาศาสตร์ สาขาภาษาอาหรับ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ สาขาไทยศึกษา คณะวิเทศศึกษา<br /><br />ส่วนกลุ่มคณะที่บัณฑิตมีงานทำตั้งแต่ร้อยละ 80-89 มี 11 คณะ ได้แก่ คณะการแพทย์แผนไทย คณะศิลปศาสตร์ คณะอุตสาหกรรมเกษตร คณะการบริการและการท่องเที่ยว คณะศึกษาศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะเทคโนโลยีและการจัดการ คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม คณะวิทยาการจัดการ คณะพาณิชยศาสตร์และการจัดการ และ คณะวิทยาศาสตร์<br /><a href="http://s814.photobucket.com/albums/zz65/banakorn/student/?action=view&current=553000005364602.jpg" target="_blank"><img border="0" alt="Photobucket" src="http://i814.photobucket.com/albums/zz65/banakorn/student/553000005364602.jpg" /></a><br />บัณฑิตมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ส่วนใหญ่คือร้อยละ 61.1 ทำงานเป็นพนักงาน/ลูกจ้างเอกชน นอกนั้นจะทำงานเป็นข้าราชการ/เจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ ร้อยละ 29.7 และ อื่นๆ ร้อยละ 9.2 โดยมีบัณฑิตจำนวนร้อยละ 79.2 ทำงานในภาคใต้ โดยในจำนวนนี้ 3,273 คน หรือร้อยละ 79.2 ทำงานในจังหวัดสงขลา รองลงมาคือภูเก็ต ปัตตานี ตามลำดับ<br /><br />บัณฑิตคณะทันตแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ และคณะเภสัชศาสตร์ ยังคงได้รับเงินเดือนเฉลี่ยสูงกว่าคณะอื่นๆ อย่างไรก็ตามในภาพรวมของทุกคณะ บัณฑิตที่ทำงานแล้วได้รับเงินเดือนเฉลี่ยลดลงจากปีที่ผ่านมา<br /><br />สำหรับการนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ พบว่า บัณฑิตกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพได้แก่ คณะแพทยศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ และคณะทันตแพทยศาสตร์ สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้มากที่สุด รองลงมาได้แก่ คณะเภสัชศาสตร์ คณะการแพทย์แผนไทย คณะศึกษาศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ และคณะการบริการและการท่องเที่ยว ส่วนอาชีพที่สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้กับประเภทงานที่ทำได้มาก ได้แก่พนักงานองค์กรต่างประเทศ/ระหว่างประเทศ และ ข้าราชการ/เจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ รองลงมา เป็นพนักงานบริษัท/องค์กรธุรกิจเอกชนUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-91912910790423832482010-04-11T00:04:00.000-07:002010-04-11T00:12:04.761-07:00<span style="font-size:180%;"><span style="color:#006600;">ลูกติดเว็บโป๊ทำอย่างไรดี/ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ</span><br /></span><br /><a href="http://2.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S8F0zJZ6qcI/AAAAAAAABCA/augtlqvnvfQ/s1600/553000005260501.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5458772645396523458" style="WIDTH: 152px; CURSOR: hand; HEIGHT: 200px" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S8F0zJZ6qcI/AAAAAAAABCA/augtlqvnvfQ/s200/553000005260501.jpg" border="0" /></a><br />ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต<br /><br />เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าในปัจจุบันมีเวปเกี่ยวกับเรื่องเพศ ภาพคลิปโป๊ต่างๆซึ่งเป็นเวปที่เป็นอันตรายต่อเด็กเป็นอันมาก และเนื่องจากโลกปัจจุบันนี้เป็นยุคของสังคมออนไลน์ จึงเป็นการเสี่ยงสำหรับเด็กๆต่อการเข้าไปมีส่วนร่วมในการข้องแวะกับสื่อที่ไม่สมควรดังกล่าวไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม<br /><br />จากข้อมูลของเวปป้องกันความรุนแรงทางเพศหรือป้องกันการติดสื่อลามกต่างๆพบว่าเด็ก อายุระหว่าง 10-17 ปี 1 ใน 5 คนได้รับสื่อหรือภาพโป๊ผ่านทางอินเตอร์เนต เด็ก 1 ใน 4 คนที่ใช้อินเตอร์เนต เข้าไปข้องแวะกับเวปโป๊ทั้งที่โดยเจตนาและไม่เจตนา อีเมล์ที่ส่งติดต่อหากันในปัจจุบัน มากกว่า 2 หมื่นล้านฉบับเป็นเวปโป๊ เด็กวัยรุ่น 21 % ยอมรับว่าเข้าไปดูเวปโป๊โดยไม่บอกให้พ่อแม่รู้<br /><br />จากเหตุผลดังกล่าวทำให้คุณพ่อคุณแม่หนักใจเพราะไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรดี คำแนะนำต่อไปนี้จะช่วยคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครองในการช่วยให้เด็กสามารถห่างไกลจากสื่ออันตรายดังกล่าวได้<br /><br />1.แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือ สอนและให้ความรู้ที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษา การคุมกำเนิด อย่าให้เวปต่างๆเป็นผู้สอนลูก แต่เราเป็นผู้ใกล้ชิดกับลูกมากกว่า ควรพูดคุยและให้ความรู้ที่ชัดเจน เมื่อลูกเข้าใจแล้ว ความอยากรู้อยากเห็นก็จะลดน้อยลง<br /><br />2.อายุของเด็กและพัฒนาการของเด็กในแต่ละคนก็เป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง หากเป็นเด็กเล็ก เด็กอาจดูโดยไม่มีความเข้าใจอะไรมากนัก แต่เผอิญเปิดไปเจอ แต่หากเป็นช่วงวัยรุ่น ต้องให้ความรู้ความเข้าใจที่ชัดเจน การปกปิดเรื่องเพศทำให้เด็กสงสัยและอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น<br /><br />3. คุณพ่อคุณแม่ต้องตั้งกฎให้ชัดเจนกับลูกในการสืบหาข้อมูลในอินเตอร์เนตทุกครั้ง บอกลูกถึงอันตรายของเวปต่างๆที่อาจเข้ามารบกวนขณะที่เรากำลังสืบหาข้อมูลที่อินเตอร์เนต อาจเขียนเป็นข้อตกลงและลงชื่อกำกับร่วมกันเพื่อความชัดเจน<br /><br />4. กฎนี้ต้องใช้ได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน เพราะในโรงเรียนหรือห้องสมุดอาจมีโปรแกรมป้องกันการเข้าไปดูเวปที่ไม่สมควรแต่บางครั้งอาจเด็กไปที่บ้านเพื่อนหรือญาติอาจไม่ได้มีโปรแกรมดังกล่าว ดังนั้นต้องเตือนเด็กๆว่ากฏการใช้อินเตอร์เนต ครอบคลุมทั้งในบ้านและนอกบ้านด้วย<br /><br />5. คุณพ่อคุณแม่ควรมีโปรแกรมป้องกันเวปที่ไม่สมควรดังกล่าว ซึ่งอาจหาข้อมูลได้จาก cybersitter<br /><br />6. ในกรณีเด็กแอบดู หรือเริ่มติดโดยไม่บอกคุณพ่อคุณแม่ อาจใช้วิธีการเปิดกว้างโดยการให้เด็กดูไปพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ เพราะธรรมชาติของเด็ก อยากรู้อยากเห็น ดังนั้นการยิ่งห้ามอาจเหมือนยิ่งยุ การสอนและหาวิธีให้ความรู้ต่างๆจะอาจช่วยให้เด็กลดความสงสัยหรือลดความอยากรู้อยากเห็นได้<br /><br />7. อย่าจัดให้ในห้องของลูกมีคอมพิวเตอร์ แต่ควรจัดไว้ในที่ๆคุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง<br /><br />ปัจจุบันสื่อต่างๆมากมายที่อยู่รอบตัวเรามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ต้องฉลาดในการป้องกันลูกให้พ้นจากสื่อที่เป็นอันตรายต่อเด็ก โดยการให้ความรัก ความเข้าใจ และให้ความรู้ควบคู่กันไป ซึ่งวิธีนี้จะช่วยสร้างเด็กให้เป็นคนฉลาดในการแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นสิ่งดีและอะไรเป็นสิ่งไม่ดีที่ควรหลีกเลี่ยง อย่าใช้วิธีวัวหายล้อมคอก เพราะนั่นอาจจะสายเกินไป<br /><br />โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 เมษายน 2553 15:48 น.<br /><table border="1" width="100%" bgcolor="#88bb22"><tbody><tr><td></td></tr></tbody></table>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-64055736717425649372010-04-09T10:06:00.000-07:002010-04-09T21:57:18.590-07:00<span style="font-size:180%;color:#ff6600;">นิสิตนักศึกษาหญิง ระวัง!จะแพ้ภัยตัวเอง สมัยนี้...ผู้ชายรู้จักอายมากกว่าผู้หญิง เสียแล้ว<br /></span>สังคมและชีวิต<br />เขียนโดย สพท.ตราด<br />วันศุกร์ที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๑ เวลา ๑๐:๔๑ น.<br /><a href="http://2.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S79ez20x-eI/AAAAAAAABBs/cBTYIgrfM5s/s1600/clip_43.jpg"><img style="WIDTH: 152px; HEIGHT: 200px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5458185518379563490" border="0" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S79ez20x-eI/AAAAAAAABBs/cBTYIgrfM5s/s200/clip_43.jpg" /></a><br /><br /><span style="color:#ff6600;">จงรักนวลสงวนนามห้ามใจไว้ อย่าหลงใหลจำคำที่ร่ำสอน<br /><br />คิดถึงหน้าบิดาและมารดร อย่ารีบร้อนเร็วนักมักไม่ดี<br /><br />เมื่อสุกงอมหอมหวานจึงควรหล่น อยู่กับต้นอย่าให้พรากไปจากที่<br /><br />อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี เมื่อบุญมีคงจะมาอย่างปรารมภ์<br /></span><br />จากสุภาษิตสอนหญิงบทดังกล่าว ได้สะท้อนถึงพฤติกรรมของผู้หญิงสมัยก่อน ซึ่งได้รับการอบรมสั่งสอนให้อยู่ในกรอบของกุลสตรี ซึ่งแตกต่างจากผู้หญิงสมัยปัจจุบันที่คำนึงถึงเรื่องของสิทธิความเท่าเทียมระหว่างชายหญิง พฤติกรรมของผู้หญิงสมัยปัจจุบันจึงออกมาในรูปแบบของการการแสดงออกมากขึ้น เปิดเผยเนื้อหนังมังสา อวดสัดส่วนของตนเองเพื่อให้เป็นที่ดึงดูดสายตาของเพศตรงข้าม ดังจะเห็นได้จากข่าวที่ปรากฏในสื่อประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตามหน้าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ หรือวารสาร เป็นต้น ช่วงบ่ายวันหนึ่งในขณะที่ผู้เขียนและนักศึกษาอีกหลายคนกำลังเคร่งเครียดอยู่กับการทำข้อสอบ เวลาได้ผ่านไปแล้วประมาณครึ่งชั่วโมงและมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยออกไปจากห้องสอบแล้ว ยิ่งทำให้ บรรยากาศภายในห้องเคร่งเครียดยิ่งขึ้น สักครู่ ต่อมานักศึกษาหญิงคนหนึ่งก็ลุกขึ้นและเดินไปส่ง ข้อสอบที่หน้าห้อง เธอก็ไม่ได้แตกต่างไปจากนักศึกษา คนอื่นๆ แต่สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนต้องจ้องมองเธออยู่นาน ก็เพราะสะดุดตากับการแต่งกายของเธอ กระโปรง ที่สั้นมาก เสื้อตัวเล็กและบางจนสามารถมองเห็น ชุดชั้นในได้คือ"ชุดนักศึกษา"ที่เธอสวมใส่อยู่<br />หลังจากออกมา จากห้องสอบแล้วภาพ " ชุดนักศึกษา " ยังติดตาอยู่ และเมื่อมองไปรอบๆ ก็พบว่ามีนักศึกษาหญิงหลายคนที่แต่งตัวในลักษณะดังกล่าว แม้ว่าจะเป็นภาพที่เคยเห็นจนชินตาแต่ก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่าเกิดอะไรกับชุดนักศึกษาในยุคปัจจุบัน<br />การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการที่จะเปลี่ยนประเทศไทยให้เข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ อันเป็นเครื่องการันตีถึงศักยภาพของประเทศในสายตาของชาวต่างชาติที่ต้องการจะเข้ามาลงทุนด้วยเงินทุนหลายร้อยล้านบาท ผลพวงที่ได้คือการไหลเข้ามาของวัฒนธรรมชาติตะวันตกอย่างมหาศาล ผ่านทางภาพยนตร์และอินเตอร์เน็ต ช่วงแรกๆ นั้นกระแสนี้ก็ยังมีไม่มากนักและยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ แต่ปัจจุบันเป็นการไหลเข้ามาอย่างอิสระ และดูเหมือนจะอยู่นอกเหนือความควบคุม เอกลักษณ์และวัฒนธรรมไทยจึงถูกทำลายลงอย่างช้าๆ เหมือนกระแสน้ำที่ค่อยกัดเซาะฝั่งและในที่สุดก็ถล่มลงมา<br />ในช่วงวิกฤตของวัฒนธรรมไทยคนที่ได้รับผลกระทบคงหนีไม่พ้นเยาวชน ที่ปัจจุบันบริโภคความเป็นโลกาภิวัตน์ผ่านหน้าจอโทรทัศน์แทบทุกวัน สิ่งที่พวกเขาเห็นคือภาพของเหล่าดาราและคนดังแต่งกายเฉิดฉายในชุดราตรีที่โชว์สัดส่วนและเนื้อหนังมากจนเกินควร ทั้งยังส่อไปในทางยั่วยวนทางเพศอีกด้วย เยาวชนที่วุฒิภาวะทางความคิดยังไม่พัฒนาเต็มที่เห็นภาพเหล่านี้ทุกวัน จนคิดไปเองว่ามันคือสิ่งที่ดี แต่งตัวตามแบบดาราแล้วจะดูสวยงาม ทันสมัย จึงเปลี่ยนแปลงการแต่งตัวของตัวเองให้เป็นอย่างเหล่าดารา<br />ค่านิยมในการโชว์เนื้อหนังก็ได้แพร่ขยายเข้ามาสู่มหาวิทยาลัยอันเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ ชุดนักศึกษาหญิงถูกทำให้หดเล็กลงและสั้นลง เพื่อจะได้มีพื้นที่ในการอวดเนื้อหนังของตัวเองมากขึ้น ชุดนักศึกษาพันธุ์ใหม่ที่มีให้เห็นกันในทุกๆ มหาวิทยาลัยจึงได้ถือกำเนิดขึ้น พร้อมๆ กับการเกิดขึ้นของปรากฏการณ์ใหม่มากมายที่เมื่อไม่กี่ปีที่แล้วยังไม่เคยเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายหลุดของชุดนักศึกษาที่ไม่น่ามองเป็นอย่างยิ่ง หรือมหกรรมการถูกลวนลามทางเพศของนักศึกษาหญิง จนนำไปสู่การรณรงค์ขนานใหญ่เพื่อให้นักศึกษาแต่งกายให้เรียบร้อย ถึงขั้นที่ต้องให้แม่ค้ามาคอยบอกว่า การแต่งกายแบบไหนที่เรียกว่าเรียบร้อย ทั้งๆ ที่นักศึกษาน่าจะคิดได้ด้วยตัวเอง<br />อาชญากรรมทางเพศที่เกิดขึ้นหากจะลงโทษแต่ตัวผู้กระทำความผิดก็เป็นแค่เพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หากมองอีกด้านหนึ่งถ้าไม่มีตัวกระตุ้นบรรดาอาชญากรทั้งหลายก็คงไม่มีแรงผลักดันที่จะกระทำความผิด ดังนั้น การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุที่แท้จริงคือการแต่งกายให้เรียบร้อยและมิดชิด ซึ่งไม่ใช่ว่าจะต้องปกปิดทุกอย่างไว้ แต่สามารถเปิดเผยได้แต่พองาม และแต่งกายให้ถูกกาลเทศะ วิธีนี้อาจจะไม่ค่อยถูกใจใครหลายๆ คน แต่ถ้าต้องการความปลอดภัยและยกระดับคุณค่าของตัวเองก็นับว่าเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแล้ว<br />แม้ว่ามหาวิทยาลัยจะสามารถออกกฎเพื่อควบคุมการแต่งกายของนักศึกษาให้อยู่ในกรอบ และให้สิทธิแก่อาจารย์ที่จะเชิญนักศึกษาที่แต่งกายไม่เรียบร้อยออกจากห้อง แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เพราะอาจารย์มักจะไม่ค่อยเอาเรื่องกับนักศึกษาเหล่านี้อย่างจริงจัง เนื่องจากถ้าจะจัดการอย่างเด็ดขาดก็คงต้องเชิญนักศึกษาออกเกือบครึ่งห้อง เรียกได้ว่าอาจารย์ก็เอือมระอากับพฤติกรรมของนักศึกษา จึงเลิกสนใจไปในที่สุด จึงเป็นหน้าที่ของนักศึกษาที่จะต้องตระหนักในพฤติกรรมของตนเอง และระลึกอยู่เสมอว่า มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การให้เกียรติ เพราะเป็นแหล่งประสิทธิ์ประสาทวิชา หากจะแต่งกายให้เรียบร้อยมาเรียนหนังสือก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงมากนัก<br />ถึงเวลาสอบของรายวิชาต่อไปแล้ว เบื้องหน้าคือนักศึกษาชายและถัดไปคือนักศึกษาหญิง พวกเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากนักศึกษาคนอื่นๆ แต่การแต่งกายของนักศึกษาชายสะดุดตาผู้เขียนอีกครั้ง เพราะเขาใส่เสื้อกล้ามเพื่อปกปิดสิ่งที่เขาคิดว่าควรปกปิด ในขณะที่นักศึกษาหญิงกลับใส่เสื้อบางและเผยให้เห็นสิ่งที่ควรปกปิด ผู้เขียนแอบนึกขำอยู่ในใจว่า สมัยนี้ผู้ชายรู้จักอายมากกว่าผู้หญิงเสียแล้ว!!<br /><br />ในขณะที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว แทนที่ศีลธรรม จริยธรรมของมนุษย์จะเจริญตามไปด้วย กลับก็เสื่อมถอยลงมากอย่างเห็นได้ชัด หากคนไทยยังยึดติดกับค่านิยมที่ผิด ๆ ผู้หญิงเห็นการเปิดเผยเนื้อหนังเป็นสิ่งธรรมดา มีการแต่งตัวของดารานักร้องเป็นต้นแบบ ต่อไปสังคมไทยอาจจะกลายเป็นสังคมที่หญิงขอชายแต่งงานก็เป็นได้ !!<br /><br />แหล่งที่มาของภาพประกอบ http://www.matichon.co.th<br /><table border="1" width="100%" bgcolor="#88bb22"><tbody><tr><td></td></tr></tbody></table>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-42279194000218140252010-04-09T09:15:00.000-07:002011-08-18T01:15:24.664-07:00ชุดนักศึกษาหญิง คับติ้ว กระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋<span style="font-size:180%;color:#cc0000;">ชุดนักศึกษาหญิง คับติ้ว กระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋
<br /></span><a href="http://2.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S79ULY8zLKI/AAAAAAAABBc/nl6C20w4cC0/s1600/article-1044-p21pic-2.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5458173828049087650" style="WIDTH: 200px; CURSOR: hand; HEIGHT: 158px" alt="ชุดนักศึกษาหญิง คับติ้ว กระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋" src="http://2.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S79ULY8zLKI/AAAAAAAABBc/nl6C20w4cC0/s200/article-1044-p21pic-2.jpg" border="0" /></a>
<br /><div><span style="color:#ff6600;">นักศึกษาหญิงแหกกฎแห่เช่าชุดเรียบร้อยใส่ช่วงสอบ</span></div><div>โลกของการศึกษาช่างก้าวไกลเหลือเกิน ไม่ใช่ตำรับตำรา แต่เป็นวิวัฒนาการของนักศึกษาผู้ที่ขึ้นชื่อว่า เป็นว่าที่บัณฑิต มีพัฒนาการสุดเยียวยา โดยเฉพาะการแต่งตัวและพฤติกรรมของนักศึกษา ซึ่งมีทั้งส่วนดีและส่วนเสีย ต้องรีบแก้ไขโดยด่วนถือเป็นช่องโหว่ไปสู่หนทางการทำมาหากินตามสถาบันการศึกษาต่างๆ ช่วงกำลังมีการสอบทั้งกลางภาค ปลายภาค และซัมเมอร์ มีพ่อค้าแม่ค้าหัวใสจับช่องทางเครื่องแต่งกายนักศึกษาซึ่งส่วนมากจะเป็นเพศหญิงที่มักแต่งตัวผิดกฎระเบียบ กระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋ เสื้อไซซ์คับติ้ว เข็มกลัด เข็มขัด กระดุมสถาบันไม่มีบ่งบอกถึงสังกัดการศึกษา รองเท้าที่ระบุต้องเป็นรัดส้นกลายเป็นลากรองเท้าแตะ โชว์สียาทาเล็บมือ-เท้าแสนเจ็บปวด
<br />ส่วนผู้ชายสวมกางเกงยีนส์ขาดวิ่นสภาพมอซอหากเป็นช่วงเวลาคาบเรียนปกติสามารถอะลุ่มอล่วยได้ แม้ไม่เหมาะสมกับการเป็นนักศึกษาก็ตาม เพราะปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาหญิงที่เสื้อผ้ายิ่งใส่ยิ่งสั้น สงสัยผ้าแพง หรือผู้ชายการแต่งตัวสุดทนพอกัน จึงมีคนทำมาหากินเห็นช่องทางนอกจากเปิดร้านขายชุดนักศึกษาแล้ว ช่วงเวลาใกล้สอบร้านเหล่านี้จะเปิดให้เช่าชุดสำหรับนักศึกษา โดยเสนอราคาแตกต่างกัน
<br />สนนราคาโดยเฉลี่ยแล้วคือ เสื้อ 100 บาท กระโปรง 100 บาท กางเกง 150 บาท หากต้องการเข็มขัด เส้นละ 50 บาท กระดุมและเข็มขัด 50 บาท หากเช่าทั้งชุดและอุปกรณ์ 400 บาท มัดจำ 200 บาท ไม่รวมรองเท้าคู่ละ 100 บาท ต่อ 1 วัน สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำกว่าการขายธุรกิจประเภทนี้ได้รับความนิยมช่วงใกล้สอบ เพราะนักศึกษาบางกลุ่มแต่งตัวผิดระเบียบ ไม่นิยมติดสัญลักษณ์บ่งบอกสถาบัน แต่งตัวแบบธรรมดาเหมือนพนักงานพาร์ตไทม์ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด สาเหตุที่อาชีพนี้เฟื่องฟู เพราะนักศึกษาแต่งตัวผิดระเบียบ ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าห้องสอบ บางร้านถึงขนาดลงทุนเปิดร้านเฉพาะกิจสำหรับเช่าชุด เนื่องจากสร้างรายได้มหาศาล ลงทุนซื้อเสื้อ กระโปรง เข็มกลัด แต่สามารถใช้ระยะยาว บางแห่งมีโปรโมชั่นมีบัตรสะสมแต้ม ใช้บริการครบ 10 ครั้ง ฟรี 1 ครั้ง หรือเช่าทั้งชุดแถมรองเท้า 1 คู่ เป็นแคมเปญของแต่ละร้าน โฆษณาเชิญชวนให้ใช้บริการของร้าน
<br />แต่ข้อควรระวังการใช้เสื้อผ้าร่วมกันต้องคำนึงถึงความสะอาด เนื่องจากไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่า ใครเป็นโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน เชื้อรา เล็บขบ หูด ทางร้านต้องทำความสะอาดเสื้อผ้า รองเท้าอย่างดี ให้ดูสะอาด ใหม่ มีกลิ่นหอมตลอดเวลาความสะดวกสบายเหล่านี้ส่งเสริมให้นักศึกษาแต่งตัวผิดระเบียบ ถือว่ามีร้านเช่าชุดสำรองเผื่อฉุกเฉิน ดังนั้นนักศึกษาสมัยใหม่มีบริการครบครัน นอกจากหนังสือเรียนเลกเชอร์ ต่อไปคงมีการเข้าสอบแทนล่ะมั้งเนี่ย!?! ■</div><div> www.bangkok-today.com</div>
<br /><table border="1" width="100%" bgcolor="#88bb22"><tbody><tr><td></td></tr></tbody></table>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-31851035944530421882010-04-09T09:01:00.000-07:002010-04-09T09:02:01.921-07:00<span style="color:#ff6600;">"น่ารัก" รับลมร้อน กับ "เนโกะ จั๊มพ์" /แคมปัส'67<br /></span><br />ซัมเมอร์ร้อนแรงอย่างนี้ ไลฟ์ ออน แคมปัส '67 ไม่พลาด ควงคู่ฝาแฝดสาวอลเวง “แจม-เนย” เนโกะ จั๊มพ์ 2 นักศึกษาน้องใหม่ คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกการแสดงและกำกับการแสดง (มศว) มาร่วมคลายร้อนถ่ายแฟชั่นลงปก พร้อมเม้าส์สนั่นกับลุคใหม่ “เซ็กซี่ น่ารัก” หลังโกอินเตอร์ไปเป็นนักร้องที่ญี่ปุ่น<br /><table><tbody><tr><td><a href="http://uniform-center.blogspot.com/2010/03/67.html"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5449987400022282130" style="WIDTH: 154px; CURSOR: hand; HEIGHT: 200px" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S6I-qkCuz5I/AAAAAAAAAk0/Yeq59WClsYk/s200/553000003988301.jpg" border="0" /></a> </td><td><a href="http://2.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S6I_Kw9GdSI/AAAAAAAAAk8/m24VrgV5sgc/s1600-h/553000003988302.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5449987953244140834" style="WIDTH: 200px; CURSOR: hand; HEIGHT: 133px" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S6I_Kw9GdSI/AAAAAAAAAk8/m24VrgV5sgc/s200/553000003988302.jpg" border="0" /></a><br /></td></tr></tbody></table><br />On The Beach Trip In "Life On Campus Magazine"<br />แจม แฝดผู้พี่ บอกว่า “บางคนอาจจะเอาไปเปรียบเทียบกับพี่ๆ เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ มันก็ไม่แปลกนะ แต่แจมว่ามันอยู่ที่คนมองมากกว่า มันอาจจะทำให้แฟนๆ รู้สึกแตกต่างไปบ้าง เพราะมันเปลี่ยนลุคแบบก้าวกระโดดมากๆ” ส่วนเนย แฝดผู้น้อง เอ่ยเสริมขึ้นทันทีว่า “ถ้ามีคนชมว่าเราเซ็กซี่ก็ดีนะ แต่เราไม่ได้จะเน้นเรื่องนั้นเรื่องเดียว อยากให้ทุกคนเห็นว่าเราเป็นสาวแล้ว มีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นด้วย” อยากรู้ว่าแฟชั่นปกรับซัมเมอร์ของแคมปัสจะน่ารัก สดใสแค่ไหน ต้องติดตามภายในเล่ม<br /><table><tbody><tr><td><a href="http://2.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S6I_kcVoNtI/AAAAAAAAAlE/8TVeCklibks/s1600-h/553000003988303.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5449988394386470610" style="WIDTH: 200px; CURSOR: hand; HEIGHT: 200px" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S6I_kcVoNtI/AAAAAAAAAlE/8TVeCklibks/s200/553000003988303.jpg" border="0" /></a></td></tr></tbody></table><br />ครั้งแรกของฝาแฝดสาว"เนโกะ จั๊มพ์"กับการถ่ายแบบชุดนักศึกษา<br />ยังไม่หมดแค่นี้ ไลฟ์ ออน แคมปัส จะพาไปเลือกชุดว่ายน้ำสุดสวย ดูดี เหมาะกับสาวๆ หนุ่มๆ ที่กำลังรู้สึกขาดความมั่นใจในตัวเอง และยังไม่รู้ว่าซัมเมอร์นี้จะมีชุดว่ายน้ำที่ดี มีคุณภาพ และเหมาะสมกับตัวเองไว้ในครอบครอง ตลอดจนไม่หลงไม่ลืมที่จะศึกษาเคล็ดลับ หรือทริปส์เด็ดๆ ก่อนออกเดินทางไปเที่ยวในช่วงซัมเมอร์ โดยมี 4 สาว และ 1 หนุ่มเป็นผู้ให้คำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ เป็นการเรียกน้ำย่อย<br /><table><tbody><tr><td><a href="http://4.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S6JAEdn66tI/AAAAAAAAAlM/kkBrqKyM8TI/s1600-h/553000003988304.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5449988944487443154" style="WIDTH: 200px; CURSOR: hand; HEIGHT: 200px" alt="" src="http://4.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S6JAEdn66tI/AAAAAAAAAlM/kkBrqKyM8TI/s200/553000003988304.jpg" border="0" /></a><br /><a href="http://2.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S6I_kcVoNtI/AAAAAAAAAlE/8TVeCklibks/s1600-h/553000003988303.jpg"></a></td><td><a href="http://3.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S6JAh3n7mTI/AAAAAAAAAlU/fXmz5gagTLw/s1600-h/553000003988305.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5449989449683015986" style="WIDTH: 200px; CURSOR: hand; HEIGHT: 200px" alt="" src="http://3.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S6JAh3n7mTI/AAAAAAAAAlU/fXmz5gagTLw/s200/553000003988305.jpg" border="0" /></a></td></tr></tbody></table><br />กลเม็ดเคล็ดลับการเลือกชุดว่ายน้ำสุดสวย ดูดี เหมาะกับสาวๆ หนุ่มๆ<br />ทิ้งท้ายด้วยคำแนะนำดีให้สำหรับสาวคนไหน หนุ่มคนใดที่แพลนโปรแกรมช่วงเวลา สถานที่สำหรับซัมเมอร์นี้ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ยังรู้สึกเหมือนว่ายังขาดๆ เกินๆ กลัวๆ หรือหลงลืมอะไรไป ในที่นี้รวมถึงพร็อพต่างๆ ในกระเป๋าไปเที่ยวทะเล และความไม่มั่นใจที่จะอวดหุ่นในชุดบิกินี่ เรามี Feature: Trick For A Beach Trip เป็นเสมือนเคล็ดไม่ลับ ไว้เรียกความมั่นใจไว้ให้ด้วย... งานรับรองว่า "อิ่ม" ทั้งเล่มแน่นอน<br /><br />โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 มีนาคม 2553 16:29 น.<br /><table width="100%" bgcolor="#88bb22" border="1"><tbody><tr><td></td></tr></tbody></table>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-33919457532153066762010-04-09T08:39:00.000-07:002010-04-09T08:56:18.210-07:00<span style="color:#cc0000;">ช่างภาพมือโปร แนะมือใหม่ “อยากใช้ DSLR”</span> <table><tbody><tr><td><a href="http://1.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S6LHpc_zKlI/AAAAAAAAAl0/d_ZTH-vE2QY/s1600-h/553000003854301.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5450138014044072530" style="WIDTH: 134px; CURSOR: hand; HEIGHT: 200px" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S6LHpc_zKlI/AAAAAAAAAl0/d_ZTH-vE2QY/s200/553000003854301.jpg" border="0" /></a></td><td><a href="http://3.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S6LIV7xrY6I/AAAAAAAAAl8/0lREbbtI62g/s1600-h/image.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5450138778220585890" style="WIDTH: 200px; CURSOR: hand; HEIGHT: 172px" alt="" src="http://3.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S6LIV7xrY6I/AAAAAAAAAl8/0lREbbtI62g/s200/image.jpg" border="0" /></a></td></tr></tbody></table><br />ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านอุปกรณ์ถ่ายภาพอย่างกล้องดิจิตอลพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว แถมยังมีราคาถูกลงกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะกล้องดิจิตอลประเภท D-SLR จนทำให้ใครหลายคนโดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษา หันมาสนใจและใช้กล้องประเภทนี้กันมากขึ้น แต่ปัญหาที่ตามมาและพบได้บ่อยครั้ง คือ มือใหม่หลายคนยังขาดความรู้ความเข้าใจในการเลือกซื้อกล้องประเภทนี้<br />D-SLR เป็นกล้องดิจิตอลสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยว ดัดแปลงจากกล้องฟิล์ม 35 mm. มาเป็นระบบดิจิตอล และใช้เซ็นเซอร์ในการรับภาพ โดยมีระบบการทำงาน รวมถึงคุณสมบัติต่างๆเหนือกว่ากล้องดิจิตอลคอมแพ็คทั่วไป ซึ่งปัจจุบันราคาของกล้องประเภทนี้ถูกลงกว่ายุคก่อนมาก เป็นเหตุให้มือใหม่โจนเข้าสู่วงการการถ่ายภาพมากขึ้น<br />จากกระแสดังกล่าว ช่างภาพมืออาชีพอย่าง “วิชัย จิตลลิต” หรือที่คนในวงการถ่ายภาพรู้จักกันดีในชื่อ “น้าจุก” แสดงความเห็นว่า หากใครสนใจการถ่ายภาพอย่างจริงจัง ก็ควรเลือก D-SLR คงเหมาะกว่ากล้องดิจิตอลคอมแพ็ค เพราะระบบการทำงานต่างๆ ตอบสนองใกล้เคียงกับกล้องฟิล์ม SLR ในสมัยก่อน และในปัจจุบันสถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยบางแห่งก็เริ่มพัฒนาหลักสูตรการถ่ายภาพด้วยกล้อง D-SLR บ้างแล้ว<br /><table><tbody><tr><td><a href="http://3.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S6T5Y05NfhI/AAAAAAAAAmE/Gc-GcN63GmA/s1600-h/image.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5450755653935922706" style="WIDTH: 200px; CURSOR: hand; HEIGHT: 172px" alt="" src="http://3.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S6T5Y05NfhI/AAAAAAAAAmE/Gc-GcN63GmA/s200/image.jpg" border="0" /></a></td><td><a href="http://4.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S6T5podLURI/AAAAAAAAAmM/E06jR-NNcg0/s1600-h/image1.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5450755942654890258" style="WIDTH: 200px; CURSOR: hand; HEIGHT: 172px" alt="" src="http://4.bp.blogspot.com/_ZV2MrlxtJBU/S6T5podLURI/AAAAAAAAAmM/E06jR-NNcg0/s200/image1.jpg" border="0" /></a></td></tr></tbody></table>ช่างภาพฝีมือดีคนนี้ แนะมือใหม่ในการเลือกซื้อกล้อง D-SLR ว่าให้มองจากงบประมาณเป็นหลัก “เมื่อเราทราบงบประมาณแล้ว จะเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น ส่วนจะเลือกกล้องค่ายไหน ยี่ห้ออะไรนั้นไม่สำคัญ เพราะปัจจุบันต่างก็มีคุณสมบัติที่ดีใกล้เคียงกันทุกค่าย เราควรเลือกจากระบบการใช้งาน สีสันของภาพที่ได้ การจับถือแล้วชอบหรือเปล่า และสุดท้ายก็อาจจะมาพิจารณาที่บริการหลังการขาย ช่างภาพมือใหม่บางคนอาจยังเข้าใจผิดเรื่องจำนวนพิกเซล ว่าถ้ามีจำนวนพิกเซลสูงๆแล้วภาพจะสวยกว่า แต่ความจริงแล้วไม่เกี่ยว กล้อง D-SLR 10 ล้านพิกเซล ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว สามารถนำไปอัดภาพขนาด 20 นิ้วได้สบายๆ”<br />ส่วนการเลือกเลนส์ วิชัยแนะนำว่า ให้ลองใช้ Normal Lens ที่ติดกล้องไปก่อน เพราะการเริ่มต้นนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เลนส์ราคาแพง ควรใช้เวลาเรียนรู้ว่า ตนเองชอบการถ่ายภาพแนวไหน ศึกษาให้ถ่องแท้ โดยใช้เลนส์ normal ฝึกมือไปเรื่อยๆจนเชี่ยวชาญ แล้วค่อยตัดสินใจซื้อเพิ่มเติมภายหลังก็ได้ “ช่างภาพวัยนักศึกษาไม่จำเป็นต้องไปซื้อเลนส์ระดับโปร อย่าไปคิดว่า ถ่ายด้วยเลนส์ราคาแพง แล้วภาพจะสวยได้ทันที การเริ่มต้นด้วยเลนส์ติดกล้อง ก็สามารถถ่ายภาพให้สวยได้ จริงอยู่ว่า เลนส์ราคาแพงมีคุณสมบัติบางอย่างที่ดีขึ้น แต่นักศึกษาเอง ก็ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของงบประมาณด้วย”<br />ช่างภาพมากประสบการณ์ ยังแนะวิธีพัฒนาฝีมือในการถ่ายภาพว่า การศึกษาจากหนังสือ หรือเว็บไซต์ก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่จะทำให้ได้รู้เทคนิคต่างๆมากมาย แต่การปฏิบัติเป็นสิ่งสำคัญที่สุด “น้องๆ ควรไปลองฝึกฝนการถ่ายภาพด้วยตัวเอง ไปกันเป็นกลุ่มกับเพื่อนๆ หรือไปร่วมกิจกรรมการถ่ายภาพกับชมรม กลุ่มต่างๆ เพื่อจะได้มีคนคอยช่วยเหลือ แนะนำ และได้เรียนรู้เทคนิคจากช่างภาพที่มีประสบการณ์ นำมาประยุกต์ใช้ ข้อสำคัญ การที่เราไปกับเพื่อนหลายๆกลุ่ม ย่อมเกิดความรู้สึกสนุกสนาน รักการถ่ายภาพมากขึ้น และทำให้น้องๆได้ฝึกฝนการถ่ายภาพหลายๆแนวอีกด้วย ส่วนการเปิดตำราอ่านนั้น ได้ความรู้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่การออกไปถ่ายรูปบ่อยๆ คือ สิ่งที่ดีที่สุดที่จะพัฒนาทักษะฝีมือการถ่ายภาพให้ตนเองได้”<br />อย่างไรก็ตาม วิชัย แนะนำข้อคิดเตือนใจสำหรับมือใหม่ว่า หากคิดจะฝึกฝนการถ่ายภาพด้วยการออกไปรับงานสำคัญๆ เช่น งานรับปริญญา หรืองานแต่งงาน ควรเริ่มต้นจากการเป็นผู้ติดตาม หรือตากล้องมือสองเสียก่อน<br />“ผมไม่แนะนำให้น้องๆไปรับงานเอง เพราะเสี่ยงไป การที่เราจะไปรับผิดชอบวันสำคัญ หรือเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของบุคคลอื่นนั้น ควรเริ่มจากการเป็นช่างภาพรอง ติดตามช่างภาพหลักเพื่อฝึกประสบการณ์ให้ชำนาญในระดับหนึ่งเสียก่อน เมื่อมีความเข้าใจ มีฝีมือมากพอแล้ว จึงค่อยไปรับงานเอง”<br />สุดท้าย ช่างภาพมือโปร ยังฝากคำคมสำหรับการถ่ายภาพให้กับน้องๆมือใหม่ว่า “อย่าไปให้ความสำคัญกับกล้อง และอุปกรณ์ราคาแพงมากจนเกินไป เพราะปัจจัยสำคัญที่สุดในการถ่ายภาพให้สวยงามนั้น คือ คนหลังกล้อง”<br />โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 มีนาคม 2553 08:56 น.<br /><table width="100%" bgcolor="#88bb22" border="1"><tbody><tr><td></td></tr></tbody></table>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3928902689394025801.post-40524367135878075462010-04-06T19:16:00.000-07:002010-04-06T19:23:10.833-07:00<span style="color:#ff6600;">ช้ำเกิน โปรดักชั่นห่วย<br />โฉมหน้า 4 สาวเด็ดสะระตี่ที่ตกรอบ!!<br /></span><br />โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 เมษายน 2553 12:41 น.<br /><br />คลิกเพื่ออ่าน 8 อันดับนุ่งหวิว เกจิตัวพ่อ “ต่อพงษ์” ให้แต้ม ร้อนแหล่มเลย!<br /><br />เรามาติดตามต่อกันเลยว่า 4 สาวซึ่งตกรอบมีใครบ้าง และทำไมเกจิของเรา ต่อพงษ์ เศวตามร์ ถึงไม่เลือก.. ทั้งๆ ที่ออกจะเซ็กซ์ซี่ตัวแม่ทั้งน้านนน<br /><a href="http://s814.photobucket.com/albums/zz65/banakorn/student/?action=view&current=553000004993201.jpg" target="_blank"><img border="0" alt="Photobucket" src="http://i814.photobucket.com/albums/zz65/banakorn/student/553000004993201.jpg" /></a><br /><br />มด-ชุติมณฑน์ ชัยรัตน์<br />ไม่ใช่เพราะเธอเคยมีคลิปโชว์ แต่เพราะภาพมันห่วย<br /><br /><a href="http://s814.photobucket.com/albums/zz65/banakorn/student/?action=view&current=553000004993202.jpg" target="_blank"><img border="0" alt="Photobucket" src="http://i814.photobucket.com/albums/zz65/banakorn/student/553000004993202.jpg" /></a><br /><br />“ถ้านับว่านี้คือการรอคอยมาทั้งปี คนนี้ไม่อยู่ในสาระบบว่า สมกับการรอคอย มันไม่มีอะไรโดดเด่น อยู่ในมาตรฐานเดียวกับน้องสายป่าน คือ ไม่ร้อน และไม่เย็น ดูไปก็ปกติ ไม่น่าซื้อเก็บ ผมว่าเค้าไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อ มันไม่ทำให้ภาพมันร้อนได้<br /><br />คุณสังเกตอะไรบ้างเวลาดูภาพ สมมติเราบอกว่า ข้างหลังคือภาพถ่ายในสตูดิโอ คุณเชื่อมั้ย ทั้งแสงทั้งอะไร มันแบนไปหมดเลย เทียบกับของคริส หอวัง เล่มนั้นมันมีมิติ มันดูสวย แสงมันเข้า มันดูไม่สมบูรณ์แบบจนเกินไป เห็นเงา เห็นทะเล เห็นเหงื่อ เห็นความมันของเหงื่อ<br /><br />ของมดเล่มนี้ เหมือนช่างภาพไม่ทำการบ้าน เหมือนถ่ายในสตูดิโอมาก ผมว่าเค้าไม่ได้นึกถึงใจของคนอ่านมากกว่า ถ้าคอนเซ็ปต์ฉบับนี้เป็นฉบับหน้าร้อน คนอยากจะไปทะเล ผู้ชายที่อยากจะไปทะเลน่ะ ดังนั้นคงต้องมาคิดว่าจะออกแบบแนวคิดยังไงให้คนรู้สึกอยากไปทะเลเมื่อมองภาพนี้<br /><br />ถามว่า มดดูเอ็กซ์เซ็กซี่หรือไม่ ผมว่าอยู่มาตรฐานเดียวกับสายป่าน ดูธรรมดา ไม่มีอะไรมาก ซึ่งการที่ไม่รู้สึกว่ามีอะไรแปลกใหม่นี้ ไม่ได้เกิดจากเพราะเธอเคยมีคลิปโชว์นะ แต่มันเป็นเพราะว่าภาพมันห่วย ต้องโทษช่างภาพ คนจัดแสง และสไตล์ลิสต์ผมเลยไม่ได้มองว่ามันโดดเด่นพอที่จะนำมาจัดอันดับ”<br /><br /><br />นนนี่-ภัทรนันท์ ดีรัศมี (วงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่)<br />แทบจะเห็นขอบกางเกงในทุกเวลาที่เธอปรากฏตัวอยู่แล้ว เลยไม่ตื่นเต้น<br /><a href="http://s814.photobucket.com/albums/zz65/banakorn/student/?action=view&current=553000004993203.jpg" target="_blank"><img border="0" alt="Photobucket" src="http://i814.photobucket.com/albums/zz65/banakorn/student/553000004993203.jpg" /></a><br /><br />“ถึงการถ่ายชุดว่ายน้ำชุดนี้เป็นครั้งแรกๆ ของแนนนี่ แต่ประเด็นของแนนนี่ ที่ทำให้ไม่ตื่นเต้น ก็คือ ปกติก็แต่งแบบนี้อยู่แล้ว เราแทบจะเห็นขอบกางเกงในของเธอทุกเวลาที่ปรากฏตัวปกติ มันเลยดูไม่ตื่นเต้น<br /><br />ส่วนหุ่นของเธอ ผมว่าตัวสูงดี หน้าอกไม่ใหญ่นัก แต่หน้าตาเหมือนเด็กแว้นซ์เด็กสก๊อยประมาณนั้น ถ้าถามว่าหน้าตาเชิญชวนมั้ย ก็อย่างที่บอก ความตื่นเต้นมันไม่เกิด อาจเพราะว่าเค้าเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ตอนเธอเล่นMV อาจจะดูเอ็กซ์กว่านี้ก็ได้ เวลาเธออยู่กับเพื่อนๆ เธอเต้นฟัดกระด้งของเธอ ที่ทำท่าแบบกระเด้งๆ เหมือนแม่ค้าขายเงาะ ที่ล้างเงาะแล้วเอามาทำให้สะเด็ดน้ำออกอ่ะ อันนั้นอาจจะดูเซ็กซ์ซี่กว่ามาถ่ายแบบนี้อีกนะผมว่า (ท่าเต้นเพลงตุ๊กตาหน้ารถ ของวงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่)”<br /><br />บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี<br />ไม่เด่นเข้าอันดับ เพราะดูแล้วรู้สึกกำลังขายชุดว่ายน้ำมากกว่า<br /><a href="http://s814.photobucket.com/albums/zz65/banakorn/student/?action=view&current=553000004993204.jpg" target="_blank"><img border="0" alt="Photobucket" src="http://i814.photobucket.com/albums/zz65/banakorn/student/553000004993204.jpg" /></a><br /><br />“บุ๋มก็โอเคนะ สวย เย้ายวน เซ็กซ์ซี่ใช้ได้ ดูแล้วถ่ายชุดว่ายน้ำได้ ไม่ได้มีมาดนางสาวไทยเหมือนหมิง ถึงจะทำหน้าอกมา แต่ก็ไม่ได้แบบบีบ เหมือนดาราเดี๋ยวนี้ที่นอกจากไปทำหน้าอกมาแล้ว ยังบีบอีก มันทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ<br /><br />แต่ว่าภาพถ่ายชุดว่ายน้ำครั้งนี้ไม่โดดเด่น แต่ละรูปดูธรรมดาพอกัน คงเพราะคนคัดชุดมาให้ค่อนข้างจะแม่น ก็เลยทำให้ถ่ายออกมาแล้วดูดี ทำให้การจัดอันดับครั้งนี้ที่บุ๋มไม่เด่น ก็เพราะเวลาดูแล้ว มันไม่ได้ชวนไปเที่ยวทะเล แต่เป็นการขายชุดว่ายน้ำมากกว่า”<br /><br />เป้ย-ปานวาด เหมมณี<br />นมของเป้ยออกมาทุกสัปดาห์ แรกอาจเย้ายวน แต่ตอนนี้เยอะไป<br /><a href="http://s814.photobucket.com/albums/zz65/banakorn/student/?action=view&current=553000004993205.jpg" target="_blank"><img border="0" alt="Photobucket" src="http://i814.photobucket.com/albums/zz65/banakorn/student/553000004993205.jpg" /></a><br /><br />“ปัญหาของเป้ยอยู่ที่นม คือ นมของเป้ยออกมาทุกสัปดาห์ วันเว้นวันก็มี โดยมีท่าเดียวกันหมด แรกๆ ก็อาจจะเย้ายวนนะ แต่ตอนนี้มันเยอะไป<br /><br />ผมชอบรูปที่เค้าก้มลง(รูปบนซ้าย) ไม่ต้องพยายามโชว์มาก ดูแล้วมีอะไรน่าค้นหากว่า<br /><br />ถ้าถามว่ารูปนอน(ด้านล่าง) ผู้ชายมองแล้วอยากอิงแอบหรือไม่ เพราะนอนเย้ายวนซะขนาดนี้ ผมว่ายังไม่ แต่ถ้ารูปนี้เป้ยแหงนหน้าขึ้น แล้วเอามือล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงให้สุด มันจะ feel อีกอย่างเลย เหมือนทำอะไรอยู่? ..เกาอยู่..อะไรอย่างนี้ แล้วก็ไม่ต้องมองกล้อง ให้ทำเหมือนแยกตัวเองไม่สนใจใคร รูปนี้จะเจ๋งกว่านี้<br /><br />โดยรวมสำหรับเป้ย ผมว่าไม่น่าซื้อเก็บนะ ดูตามทีวีก็มีเยอะ และบ่อยด้วย”<br /><br />มองขาด มองคม สมเป็นนักวิจารณ์ตัวพ่อ ต่อพงษ์ เศวตามร์ ด้วยมุมมองทั้งในเชิงมิติตัวตนนางแบบ ที่มีทั้งเรื่องรูปร่างหน้าตา ภาพลักษณ์ และโปรดักชั่น(Production) องค์ประกอบการถ่ายแบบ กระทั่งคอนเซ็ปต์กึ๋นของทีมงานUnknownnoreply@blogger.com0