สังคมและชีวิต
เขียนโดย สพท.ตราด
วันศุกร์ที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๑ เวลา ๑๐:๔๑ น.
จงรักนวลสงวนนามห้ามใจไว้ อย่าหลงใหลจำคำที่ร่ำสอน
คิดถึงหน้าบิดาและมารดร อย่ารีบร้อนเร็วนักมักไม่ดี
เมื่อสุกงอมหอมหวานจึงควรหล่น อยู่กับต้นอย่าให้พรากไปจากที่
อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี เมื่อบุญมีคงจะมาอย่างปรารมภ์
จากสุภาษิตสอนหญิงบทดังกล่าว ได้สะท้อนถึงพฤติกรรมของผู้หญิงสมัยก่อน ซึ่งได้รับการอบรมสั่งสอนให้อยู่ในกรอบของกุลสตรี ซึ่งแตกต่างจากผู้หญิงสมัยปัจจุบันที่คำนึงถึงเรื่องของสิทธิความเท่าเทียมระหว่างชายหญิง พฤติกรรมของผู้หญิงสมัยปัจจุบันจึงออกมาในรูปแบบของการการแสดงออกมากขึ้น เปิดเผยเนื้อหนังมังสา อวดสัดส่วนของตนเองเพื่อให้เป็นที่ดึงดูดสายตาของเพศตรงข้าม ดังจะเห็นได้จากข่าวที่ปรากฏในสื่อประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตามหน้าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ หรือวารสาร เป็นต้น ช่วงบ่ายวันหนึ่งในขณะที่ผู้เขียนและนักศึกษาอีกหลายคนกำลังเคร่งเครียดอยู่กับการทำข้อสอบ เวลาได้ผ่านไปแล้วประมาณครึ่งชั่วโมงและมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยออกไปจากห้องสอบแล้ว ยิ่งทำให้ บรรยากาศภายในห้องเคร่งเครียดยิ่งขึ้น สักครู่ ต่อมานักศึกษาหญิงคนหนึ่งก็ลุกขึ้นและเดินไปส่ง ข้อสอบที่หน้าห้อง เธอก็ไม่ได้แตกต่างไปจากนักศึกษา คนอื่นๆ แต่สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนต้องจ้องมองเธออยู่นาน ก็เพราะสะดุดตากับการแต่งกายของเธอ กระโปรง ที่สั้นมาก เสื้อตัวเล็กและบางจนสามารถมองเห็น ชุดชั้นในได้คือ"ชุดนักศึกษา"ที่เธอสวมใส่อยู่
หลังจากออกมา จากห้องสอบแล้วภาพ " ชุดนักศึกษา " ยังติดตาอยู่ และเมื่อมองไปรอบๆ ก็พบว่ามีนักศึกษาหญิงหลายคนที่แต่งตัวในลักษณะดังกล่าว แม้ว่าจะเป็นภาพที่เคยเห็นจนชินตาแต่ก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่าเกิดอะไรกับชุดนักศึกษาในยุคปัจจุบัน
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการที่จะเปลี่ยนประเทศไทยให้เข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ อันเป็นเครื่องการันตีถึงศักยภาพของประเทศในสายตาของชาวต่างชาติที่ต้องการจะเข้ามาลงทุนด้วยเงินทุนหลายร้อยล้านบาท ผลพวงที่ได้คือการไหลเข้ามาของวัฒนธรรมชาติตะวันตกอย่างมหาศาล ผ่านทางภาพยนตร์และอินเตอร์เน็ต ช่วงแรกๆ นั้นกระแสนี้ก็ยังมีไม่มากนักและยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ แต่ปัจจุบันเป็นการไหลเข้ามาอย่างอิสระ และดูเหมือนจะอยู่นอกเหนือความควบคุม เอกลักษณ์และวัฒนธรรมไทยจึงถูกทำลายลงอย่างช้าๆ เหมือนกระแสน้ำที่ค่อยกัดเซาะฝั่งและในที่สุดก็ถล่มลงมา
ในช่วงวิกฤตของวัฒนธรรมไทยคนที่ได้รับผลกระทบคงหนีไม่พ้นเยาวชน ที่ปัจจุบันบริโภคความเป็นโลกาภิวัตน์ผ่านหน้าจอโทรทัศน์แทบทุกวัน สิ่งที่พวกเขาเห็นคือภาพของเหล่าดาราและคนดังแต่งกายเฉิดฉายในชุดราตรีที่โชว์สัดส่วนและเนื้อหนังมากจนเกินควร ทั้งยังส่อไปในทางยั่วยวนทางเพศอีกด้วย เยาวชนที่วุฒิภาวะทางความคิดยังไม่พัฒนาเต็มที่เห็นภาพเหล่านี้ทุกวัน จนคิดไปเองว่ามันคือสิ่งที่ดี แต่งตัวตามแบบดาราแล้วจะดูสวยงาม ทันสมัย จึงเปลี่ยนแปลงการแต่งตัวของตัวเองให้เป็นอย่างเหล่าดารา
ค่านิยมในการโชว์เนื้อหนังก็ได้แพร่ขยายเข้ามาสู่มหาวิทยาลัยอันเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ ชุดนักศึกษาหญิงถูกทำให้หดเล็กลงและสั้นลง เพื่อจะได้มีพื้นที่ในการอวดเนื้อหนังของตัวเองมากขึ้น ชุดนักศึกษาพันธุ์ใหม่ที่มีให้เห็นกันในทุกๆ มหาวิทยาลัยจึงได้ถือกำเนิดขึ้น พร้อมๆ กับการเกิดขึ้นของปรากฏการณ์ใหม่มากมายที่เมื่อไม่กี่ปีที่แล้วยังไม่เคยเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายหลุดของชุดนักศึกษาที่ไม่น่ามองเป็นอย่างยิ่ง หรือมหกรรมการถูกลวนลามทางเพศของนักศึกษาหญิง จนนำไปสู่การรณรงค์ขนานใหญ่เพื่อให้นักศึกษาแต่งกายให้เรียบร้อย ถึงขั้นที่ต้องให้แม่ค้ามาคอยบอกว่า การแต่งกายแบบไหนที่เรียกว่าเรียบร้อย ทั้งๆ ที่นักศึกษาน่าจะคิดได้ด้วยตัวเอง
อาชญากรรมทางเพศที่เกิดขึ้นหากจะลงโทษแต่ตัวผู้กระทำความผิดก็เป็นแค่เพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หากมองอีกด้านหนึ่งถ้าไม่มีตัวกระตุ้นบรรดาอาชญากรทั้งหลายก็คงไม่มีแรงผลักดันที่จะกระทำความผิด ดังนั้น การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุที่แท้จริงคือการแต่งกายให้เรียบร้อยและมิดชิด ซึ่งไม่ใช่ว่าจะต้องปกปิดทุกอย่างไว้ แต่สามารถเปิดเผยได้แต่พองาม และแต่งกายให้ถูกกาลเทศะ วิธีนี้อาจจะไม่ค่อยถูกใจใครหลายๆ คน แต่ถ้าต้องการความปลอดภัยและยกระดับคุณค่าของตัวเองก็นับว่าเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแล้ว
แม้ว่ามหาวิทยาลัยจะสามารถออกกฎเพื่อควบคุมการแต่งกายของนักศึกษาให้อยู่ในกรอบ และให้สิทธิแก่อาจารย์ที่จะเชิญนักศึกษาที่แต่งกายไม่เรียบร้อยออกจากห้อง แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เพราะอาจารย์มักจะไม่ค่อยเอาเรื่องกับนักศึกษาเหล่านี้อย่างจริงจัง เนื่องจากถ้าจะจัดการอย่างเด็ดขาดก็คงต้องเชิญนักศึกษาออกเกือบครึ่งห้อง เรียกได้ว่าอาจารย์ก็เอือมระอากับพฤติกรรมของนักศึกษา จึงเลิกสนใจไปในที่สุด จึงเป็นหน้าที่ของนักศึกษาที่จะต้องตระหนักในพฤติกรรมของตนเอง และระลึกอยู่เสมอว่า มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การให้เกียรติ เพราะเป็นแหล่งประสิทธิ์ประสาทวิชา หากจะแต่งกายให้เรียบร้อยมาเรียนหนังสือก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงมากนัก
ถึงเวลาสอบของรายวิชาต่อไปแล้ว เบื้องหน้าคือนักศึกษาชายและถัดไปคือนักศึกษาหญิง พวกเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากนักศึกษาคนอื่นๆ แต่การแต่งกายของนักศึกษาชายสะดุดตาผู้เขียนอีกครั้ง เพราะเขาใส่เสื้อกล้ามเพื่อปกปิดสิ่งที่เขาคิดว่าควรปกปิด ในขณะที่นักศึกษาหญิงกลับใส่เสื้อบางและเผยให้เห็นสิ่งที่ควรปกปิด ผู้เขียนแอบนึกขำอยู่ในใจว่า สมัยนี้ผู้ชายรู้จักอายมากกว่าผู้หญิงเสียแล้ว!!
ในขณะที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว แทนที่ศีลธรรม จริยธรรมของมนุษย์จะเจริญตามไปด้วย กลับก็เสื่อมถอยลงมากอย่างเห็นได้ชัด หากคนไทยยังยึดติดกับค่านิยมที่ผิด ๆ ผู้หญิงเห็นการเปิดเผยเนื้อหนังเป็นสิ่งธรรมดา มีการแต่งตัวของดารานักร้องเป็นต้นแบบ ต่อไปสังคมไทยอาจจะกลายเป็นสังคมที่หญิงขอชายแต่งงานก็เป็นได้ !!
แหล่งที่มาของภาพประกอบ http://www.matichon.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น